เราเรียนรู้กันมาแล้วว่า หากต้องการปลูกผักให้แข็งแรงและได้ผลผลิตดี ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การใช้ดินปลูกที่ดี สำหรับผักต่างประเทศที่ได้รับความนิยมปลูกกันมากในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเคล สวิสชาร์ด หรือซอเรล ต่างก็ต้องการแสงแดดตลอดวันและน้ำสม่ำเสมอ สามารถปลูกได้ในดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินร่วนปนเหนียว แต่จะต้องมีปริมาณอินทรียวัตถุเพียงพอ ระบายน้ำและอากาศได้ดี ดังนั้นก่อนปลูกจึงนิยมผสมดินขึ้นมาใหม่
รู้จัก เทคนิคปรุงดินให้อร่อย ถูกใจพืชผัก
แม้ผักเหล่านี้เป็นผักต่างประเทศ แต่มีหลายสายพันธุ์ที่เติบโตและให้ผลผลิตได้ดี สามารถปลูกได้ตลอดปีในเมืองไทย แต่จะโตได้ไว มีทรงพุ่มสวย ใบมีสีจัดมากที่สุดในช่วงหน้าหนาว ระหว่างเดือนตุลาคมถึงมีนาคม ส่วนอายุของต้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการเลี้ยงดูเอาใจใส่ของผู้ปลูกประกอบกัน มาดูเทคนิคปลูกผักยอดฮิตเหล่านี้ว่าทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตดี
เทคนิคเพาะเมล็ด
เคล : นิยมเพาะเมล็ดในถาดหลุม หลุมละ 2 เมล็ด ใช้เวลาประมาณ 3-7 วันจะเริ่มงอก หลังจากเพาะควรวางถาดไว้ในที่ร่มสัก 2-3 วัน หรือสังเกตว่าต้นกล้าเริ่มมีใบเลี้ยงก็ให้ย้ายไปวางในที่ที่มีแสงเต็มที่ รดน้ำวันละ 2-3 ครั้ง หากอากาศร้อนวัสดุเพาะจะแห้งไว จำเป็นต้องรดน้ำเพิ่ม เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 1-3 ใบให้ตัดออกเหลือหลุมละ 1 ต้น เมื่อต้นกล้ามีอายุ 15-18 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้
สวิสชาร์ด : นิยมเพาะเมล็ดในถาดหลุม หลุมละ 1 เมล็ด เนื่องจาก 1 เมล็ดสามารถงอกได้ 2 ต้น หลังจากเพาะควรวางถาดไว้ในที่ร่มสัก 2-3 วัน เมื่อเมล็ดงอกก็ให้ย้ายไปวางในที่ที่มีแสงเต็มที่ รดน้ำวันละ 2 ครั้ง หากอากาศร้อนวัสดุเพาะจะแห้งไว จำเป็นต้องรดน้ำเพิ่ม เมื่อต้นกล้ามีอายุ 15-18 วัน ก็สามารถย้ายปลูกได้
ซอเรล : ซอเรลเป็นพืชที่ต้องการอุณหภูมิต่ำในการงอก หากเพาะเมล็ดในฤดูหนาวจะใช้เวลาในการงอก 10-15 วัน ขณะที่การเพาะเมล็ดในฤดูร้อนและฤดูฝนใช้เวลา 15-30 วัน ดังนั้นจึงนิยมนำเมล็ดไปบ่มหรือเพาะลงบนกระดาษเปียก แล้วเก็บในตู้เย็นนาน 1 คืนเพื่อกระตุ้นการงอก จากนั้นนำเมล็ดที่มีตุ่มรากมาเพาะในถาดหลุม ใช้เวลา 10-15 วันจะเห็นใบจริงขนาดเล็กโผล่ขึ้นมา เมื่อต้นกล้าอายุประมาณ 30 วันจะเห็นใบและกิ่งชัดเจน ก็สามารถย้ายปลูกได้
การปลูกเคลหรือคะน้าใบหยิก (Kale)
เคลเป็นพืชอายุหลายปีแต่นิยมปลูกและเก็บเกี่ยวเหมือนพืชอายุ 1-2 ปี ใบไม่ห่อหัว มีทั้งแบบใบหยิกสีเขียว ใบหยิกสีม่วงถึงแดง ใบยาวสีเขียว และใบยาวสีม่วงถึงน้ำตาล สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่อายุ 45 วันเป็นต้นไป โดยนิยมทยอยตัดใบด้านล่างไปรับประทาน ถือเป็นผักที่ปลูกและดูแลง่ายคล้ายผักตระกูลคะน้าที่เราคุ้นเคยกัน
การปลูกในแปลง : นิยมใช้ระยะปลูก 50 x 50 เซนติเมตร ยิ่งระยะปลูกมากก็ยิ่งดีเพราะเคลค่อนข้างโตเร็วและมีทรงพุ่มกว้าง อีกทั้งการปลูกระยะห่างจะช่วยป้องกันโรคและแมลงศัตรูได้ดี นอกจากนี้ควรรดน้ำวันละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพิ่มธาตุอาหารทุก 20-30 วัน
ดูแลเคลด้วย ปุ๋ยม่วง TPI พืชสามารถดูดซึมเข้าทางใบได้ บำรุงต้นและใบให้แข็งแรง เร่งดอก เพิ่มการติดผล เหมาะสำหรับพืชทุกชนิด โดยผสมปุ๋ยม่วง TPI 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบและลำต้นทุก 7 วัน หากต้องการเร่งการออกดอกและเพิ่มการติดผล ฉีดพ่นใบและลำต้นทุก 15 วัน
การปลูกสวิสชาร์ด (Swiss Chard)
สวิสชาร์ดเป็นพืชล้มลุกที่มีสีสันสวยงาม มีหลายสายพันธุ์ ใบหยิกเป็นคลื่นสีเขียวเข้ม ก้านใบมีขนาดใหญ่และแบนหลายสี เช่น สีแดง ส้ม เหลือง ชมพู และขาว นิยมบริโภคส่วนของใบและก้าน รสชาติค่อนข้างจืด ไม่ขม บ้างออกเปรี้ยว นิยมรับประทานต้นอ่อนแบบสดเพื่อเพิ่มสีสันของจานสลัด หรือเก็บเกี่ยวต้นอายุ 45 วันเป็นต้นไปโดยมักนำมาลอกเยื่อก้านใบออกแล้วนำไปผัด นึ่ง ต้ม ตุ๋น หรือแปรรูปทำผักดอง กิมจิ
การปลูกในแปลง : ควรใช้ระยะปลูกอย่างน้อย 30 x 30 เซนติเมตร ยิ่งระยะปลูกกว้างใบจะใหญ่และแตกกอเร็ว ควรรดน้ำบริเวณโคนต้นวันละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 20 กรัมต่อต้น เพื่อเพิ่มธาตุอาหารทุก 20-30 วัน
การปลูกในกระถาง : ควรใช้กระถางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-15 นิ้ว กระถางละ 1 ต้น ยิ่งขนาดกระถางใหญ่ยิ่งดีเพราะช่วยให้แตกกอใหญ่ รดน้ำวันละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์กระถางละ 20 กรัม ทุก 20-30 วัน สำหรับแมลงศัตรูที่พบบ่อย ได้แก่ หนอนกินใบ อาจใช้วิธีจับออกไปทิ้ง หรือป้องกันกำจัดด้วยการฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้หรือสารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราเมธาไรเซียม ตามอัตราส่วนที่แนะนำบนบรรจุภัณฑ์
Tip สวิสชาร์ดมีลำต้นและใบอวบน้ำ ค่อนข้างตอบสนองต่อธาตุอาหารและดูดกลิ่นรสได้ดี ดังนั้นจึงไม่ควรใส่ปุ๋ยคอกมากเกินไป หรือควรเก็บเกี่ยวมารับประทานหลังจากใส่ปุ๋ยคอกไปแล้วสัก 15 วัน
ป้องกันศัตรูพืชด้วย น้ำส้มควันไม้ TPI Premium Gold สูตรไร้กลิ่น ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยหรือสารที่ฉีดพ่นให้พืชทางใบ สูตรเพิ่มประสิทธิภาพ เร่งการเจริญเติบโตของพืชทำให้เพิ่มผลผลิต โดยผสมน้ำส้มควันไม้ TPI กับน้ำตามอัตราส่วนที่แนะนำให้เหมาะกับพืช เช่น ผสมน้ำอัตราส่วน 1:200 ฉีดพ่นพืชผักกินใบ ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ และเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรใช้ร่วมกับปุ๋ยม่วง TPI เป็นประจำ
การปลูกซอเรล (Sorrel)
ซอเรลเป็นพืชล้มลุก มีหลายสายพันธุ์ ใบเรียวรูปไข่ถึงรูปลูกศร เส้นใบสีแดงเข้มทำให้ใบมีลวดลายสวยงาม สามารถเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ต้นอายุ 30 วันเป็นต้นไป ใบมีรสเปรี้ยว นิยมทยอยตัดไปรับประทานสดในจานสลัด เพิ่มรสชาติในซอส น้ำซุป ต้มยำ หรือเครื่องดื่มสมู้ตที
การปลูกในแปลง : ควรใช้ระยะปลูก 30 x 30 เซนติเมตร ยิ่งระยะปลูกกว้างทรงพุ่มจะใหญ่ ควรรดน้ำบริเวณโคนต้นวันละ 1 ครั้ง และใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 20 กรัมต่อต้น เพื่อเพิ่มธาตุอาหารทุก 20-30 วัน
การปลูกในกระถาง : สามารถปลูกในกระถางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6-8 นิ้ว กระถางละ 1 ต้น รดน้ำวันละ 2 ครั้ง ยิ่งต้นได้รับแสงแดดมากใบจะยิ่งสวยเห็นเส้นใบชัดเจน ซอเรลถือเป็นผักที่ปลูกเลี้ยงง่าย หากปรุงดินปลูกดีมีธาตุอาหารเพียงพอ ก็ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ยเพิ่มก็ได้ ทั้งยังไม่ค่อยมีโรคแมลงรบกวน
ดูแลซอเรลด้วย ปุ๋ยม่วง TPI ชีวะอินทรีย์ที่พืชสามารถดูดซึมเข้าทางใบได้ บำรุงต้นให้แข็งแรง เร่งดอก เพิ่มการติดผล เหมาะสำหรับพืชทุกชนิด โดยใช้ผสมปุ๋ยม่วง TPI 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบและลำต้นทุก 7 วัน หากต้องการเร่งการออกดอกและเพิ่มการติดผล ฉีดพ่นใบและลำต้นทุก 15 วัน
การปลูกมะเขือเทศ (Tomato)
มะเขือเทศเป็นไม้เลื้อยอายุสั้น ชอบดินร่วนระบายน้ำดี อินทรียวัตถุสูง มีแสงแดดตลอดวัน ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด นิยมเพาะเมล็ดในถาดหลุม ใช้เวลาประมาณ 10 วันจะเริ่มงอกและแตกใบจริง พออายุได้ 21-30 วันจึงย้ายลงหลุมปลูกหรือกระถาง ให้ปุ๋ย และทำค้างเพื่อผูกต้นให้สูงขึ้น เมื่อต้นมีอายุ 3-4 สัปดาห์หลังย้ายปลูกจะผลิดอกออกผล ควรเริ่มให้ปุ๋ยบำรุงผล และเก็บผลเมื่อเริ่มสุกแดงประมาณหนึ่งในสามแล้วเก็บในตู้เย็น จะเก็บได้นานกว่าเก็บผลสุกสีแดงทั้งผล
มะเขือเทศมักพบโรคใบจุด โรคโคนเน่า ผลเน่า สามารถกำจักเชื้อโรคพืชในดินด้วยจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น เชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือเชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส ส่วนแมลงศัตรูมักพบเพลี้ยไฟ แมลงหวี่ขาว และหนอนเจาะผล ป้องกันกำจัดได้ด้วยการฉีดพ่นน้ำส้มควันไม้หรือสารชีวภัณฑ์ เช่น เชื้อราเมธาไรเซียมและบิวเวอเรีย ตามอัตราส่วนที่แนะนำบนบรรจุภัณฑ์
ดูแลพืชผักทุกชนิดทั้งผักกินใบและผักกินผล ด้วยผลิตภัณฑ์ชีวอินทรีย์จาก TPI
ปุ๋ยม่วง TPI พืชสามารถดูดซึมเข้าทางใบได้ เป็นประโยชน์ต่อพืชอย่างรวดเร็ว บำรุงต้นให้แข็งแรง เร่งดอก เพิ่มการติดผล เหมาะสำหรับพืชทุกชนิด
อัตราส่วนการใช้งาน : ผสมปุ๋ยม่วง TPI 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นที่ใบและลำต้นทุก 3-5 วัน หากต้องการเร่งการออกดอกและเพิ่มการติดผล ฉีดพ่นใบและลำต้นทุก 15 วัน
น้ำส้มควันไม้ TPI Premium Gold ป้องกันและกำจัดศัตรูพืชเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยหรือสารที่ฉีดพ่นให้พืชทางใบ สูตรเพิ่มประสิทธิภาพ เร่งการเจริญเติบโตของพืชทำให้เพิ่มผลผลิต
อัตราส่วนการใช้งาน : ผสมน้ำส้มควันไม้ TPI กับน้ำตามอัตราส่วนที่แนะนำให้เหมาะกับพืช เช่น ผสมน้ำอัตราส่วน 1:200 ฉีดพ่นพืชผักกินใบ ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ และเพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรใช้ร่วมกับปุ๋ยม่วง TPI เป็นประจำ
ตัวอย่างเทคนิคปลูกผักกินใบ & ผักกินผลที่แนะนำนี้ ผู้ปลูกสามารถนำไปปรับใช้กับการปลูกผักได้อีกหลายชนิด ทั้งการปลูกกินเองในครอบครัวและปลูกขายเป็นอาชีพ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมจากการลงมือทำ เนื่องจากในแต่ละพื้นที่มีสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศต่างกัน หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีอย่างที่คาดหวัง จึงจำเป็นต้องเรียนรู้เทคนิควิธีการและประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตัวเองด้วย
เรื่อง : วิรัชญา
ภาพ : สิทธิศักดิ์ น้ำคำ, อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
ข้อมูล : อาจารย์เกศศิรินทร์ แสงมณี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร