บ้านและสวน Garden&Farm - ศูนย์รวมคู่มือการทำฟาร์ม ทำเกษตร

Daylight ไข่พาสเทล ฟาร์มไก่นอกเลี้ยงในไทย

daylight ไข่พาสเทล ฟาร์มไก่ไข่สีพาสเทล ไก่นอกเลี้ยงในไทย ขยายพันธุ์จำหน่าย เป็นอาชีพ มาจากแรงบันดาลใจของ “คุณเดย์- ชัยณรงค์ ปราบภัย”

เล้าไก่ RE-USE แบ่งสัดส่วนพื้นที่ให้เป็นบ้านไก่อารมณ์ดี

แบบเล้าไก่ ประหยัดงบ แห่งนี้ เกิดขึ้นเพราะหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักต่อสัตว์ทุกชนิด และเป็นเหตุผลให้ร้านปาฎี คาเฟ่ในสวน ย้ายออกสู่ป่านอกเมือง

The Florimel Garden น้ำผึ้งหวานในสวนที่เกิดจากฝันเดียวกัน

The Florimel Garden Farm สวนเพ็ชร ฐกฤต และมายด์ ฑาริกา บ้านฟาร์มที่เกิดขึ้นจากการมีความฝันและหัวใจเดียวกันของคนทั้งสอง

Don't Miss

ปุ๋ยยารา 120 ปีที่คุณภาพไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ในแปลงผักเล็ก ๆ ริมบ้าน ไปจนถึงสวนผลไม้และไร่พืชเศรษฐกิจนับพันไร่ “ปุ๋ย” คือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ต้นไม้ทุกต้นเจริญเติบโตอย่างแข็งแรง แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังของปุ๋ยแต่ละเม็ดนั้นมีความแตกต่างทั้งในด้านคุณภาพ กระบวนการผลิต และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในยุคที่เกษตรต้องการความแม่นยำ ปุ๋ยที่ดีจึงไม่ใช่แค่ให้ผลผลิตออกมาก ๆ แต่ต้องปลอดภัย ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และส่งเสริมสุขภาพของดินในระยะยาว หนึ่งในแบรนด์ที่ยืนหยัดเรื่องมาตรฐานคุณภาพมาอย่างยาวนานก็คือ “ยารา” ผู้นำระดับโลกด้านโภชนาการพืชจากประเทศนอร์เวย์ ในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 120 ยาราได้ชูสโลแกน “มองอดีตเพื่อก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ที่ไม่ได้เป็นเพียงถ้อยคำเชิงสัญลักษณ์ แต่สะท้อนถึงการเดินทางที่ยาวนานของแบรนด์ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา ไม่ว่าจะเป็น การคิดค้นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง การส่งต่อความรู้สู่เกษตรกร หรือการปรับตัวเพื่อสร้างระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ปุ๋ยมาตรฐานยุโรปสู่เกษตรกรไทย ย้อนกลับไปเมื่อ 120 ปีก่อน แซม ไอเด และคริสเตียน เบิร์คแลนด์ ได้ก่อตั้งบริษัทนอร์สก์ ไฮโดร (บริษัทยาราในปัจจุบัน) ด้วยความตั้งใจจะต่อสู้กับภาวะความหิวโหยในยุโรป ก่อนจะบุกเบิกนวัตกรรมการสกัดธาตุไนโตรเจนจากอากาศมาผลิตเป็นปุ๋ยธาตุอาหารแบบคอมปาวด์คุณภาพสูง หรือที่เราคุ้นเคยกับการเรียกว่า ปุ๋ยเอ็นพีเค (NPK – ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม) ที่ให้ธาตุอาหารพืชครบถ้วนในเม็ดเดียว ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้มีโอกาสทดลองใช้ปุ๋ยของยารา เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนโรงงานยาราที่เมืองโนทอดเดน ประเทศนอร์เวย์ เมื่อปี […]

ฟาร์มยั่งยืน โอ้กะจู๋

โอ้กะจู๋ การเดินทางที่มากกว่าการปลูกผัก แต่ช่วยปลูกสังคมเกษตรอินทรีย์ให้เติบโต

จุดเริ่มต้นของ “โอ้กะจู๋” แบรนด์สลัดออร์แกนิกที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ได้มาจากความตั้งใจที่จะทำธุรกิจตั้งแต่แรก แต่มาจากใจรักและอุดมการณ์ในการทำเกษตรอินทรีย์ของผู้ก่อตั้ง คุณโจ้-จิรายุทธ ภูวพูนผล หนึ่งในผู้ก่อตั้งโอ้กะจู๋ ได้พาเราย้อนกลับไปถึงจุดกำเนิด แนวคิด และการเดินทางที่ไม่ใช่แค่ปลูกผัก แต่เป็นการปลูกสังคมเกษตรอินทรีย์ให้เติบโตไปพร้อมกัน รวมถึงการบุกเบิกตลาดซูเปอร์ฟู้ดพื้นบ้านอย่าง “ไข่ผำ” จุดเริ่มต้นจากใจรัก สู่รากฐานความยั่งยืนของโอ้กะจู๋ “หลักการอันดับแรกเลยก็คืออย่างน้อยต้องมีใจรักแล้วก็ต้องมีอุดมการณ์พอสมควร” คุณโจ้ย้ำถึงหัวใจสำคัญ เพราะการทำเกษตรอินทรีย์นั้นค่อนข้างยาก มีต้นทุนที่สูงกว่าปกติ และผลผลิตที่ได้ก็ไม่เป็นไปตามเป้าเสมอไป สิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นข้อจำกัดคือ ต้นทุนที่สูงกว่าการทำเกษตรทั่วไป ผลผลิตที่ได้อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเพราะโรคและแมลงเข้าทำลายได้ง่าย ทำให้บางครั้งผลผลิตที่ได้ไม่ถึงครึ่ง นั่นหมายความว่าต้นทุนต่อหน่วยสูงนั่นเอง แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ทำลายความตั้งใจของทีมผู้ก่อตั้งอย่างคุณโจ้ คุณอู๋ และคุณต้อง จนกลายเป็นสิ่งที่ติดตัวพวกเขาทุกคนในฐานะคนทำเกษตรอินทรีย์ที่ให้ความสำคัญกับการรักษาระบบนิเวศและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้น้อยที่สุด ซึ่งตรงกับแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) การทำเกษตรอินทรีย์ของโอ้กะจู๋สอดคล้องกับเรื่อง ESG โดยเฉพาะด้านธรรมาภิบาล (G) คุณโจ้ยืนยันว่า ด้วยความซื่อสัตย์ต่อคุณลูกค้าก่อนเป็นพื้นฐาน และขยายผลไปสู่การมีธรรมาภิบาลกับทีมงานในองค์กร ลูกค้า รวมถึงการใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมภายนอก เพราะหากภายในยังไม่โอเคก็ยากที่จะตั้งใจทำเรื่องความยั่งยืนกับภายนอกอย่างแท้จริง ปลูกสังคมเกษตรอินทรีย์ ก่อนหน้านี้โอ้กะจู๋ตั้งใจที่จะปลูกผักเองทั้งหมด ไม่รับผักจากภายนอก เพราะกังวลเรื่องคุณภาพและผลกระทบต่อลูกค้า แต่เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น และต้องการที่จะแบ่งปันโอกาส รวมถึงต้องการทำให้สังคมเกษตรอินทรีย์เติบโตยิ่งขึ้น จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขาเริ่มเปิดใจรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรภายนอก โอ้กะจู๋เริ่มต้นจากการสนับสนุนเกษตรกรกลุ่มเล็กๆ […]