ISUZU d-max

One Day Vlog ตามติดชีวิต Smart Farmer บนเส้นทางการทำเกษตรยุคใหม่

ในยุคที่การเกษตรไม่ได้จำกัดอยู่แค่การทำไร่ไถนา แต่ถูกยกระดับสู่การเป็น Smart Farmer ที่ผสมผสานนวัตกรรม การดีไซน์ และการดูแลสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน เครื่องมือที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจึงเป็นสิ่งสำคัญ และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ รถกระบะคู่ใจ

บ้านและสวน Garden & Farm ชักชวน 3 เกษตรกรรุ่นใหม่มาทดลองขับรถปิกอัพ ISUZU D-Max Spark กระบะพื้นเรียบ (Flat Deck) และทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารถคันนี้คือคำตอบสำหรับ Smart Farmer

ตาวี ฟาร์ม ความสุขเรียบง่าย ที่ขับเคลื่อนไปแบบอัตโนมัติ

กลางเขาใหญ่ มีฟาร์มผักออแกนิกที่ชื่อว่า “ตาวีฟาร์ม” ซึ่งเกิดขึ้นจากสองแรงบันดาลใจของ คุณบอย – ธีระศักดิ์ พรหมลา และ คุณยุ้ย – ชื่นประภา ยางศิลา คู่ชีวิตที่เลือกเส้นทางใหม่จากเมืองใหญ่ มาสร้างรากฐานชีวิตเรียบง่ายด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ ฟาร์มแห่งนี้ไม่ได้เติบโตเพราะเงินทุนหนา แต่เพราะความตั้งใจที่เดินหน้าไปทีละก้าว และค่อย ๆ เติบโตอย่างเป็นธรรมชาติ

ปัจจุบันตาวีฟาร์มไม่ได้ทำเกษตรเพียงเล็กน้อย แต่คุณบอยได้พัฒนาฟาร์มจนเป็นที่ร่ำลือในการปลูกผักสลัดและมะเขือเทศที่ได้รสหวานฉ่ำ แล้วต่อยอดจาก “ดินถึงจาน” กลายมาเป็นตาวี ฟาร์ม แอนด์ คาเฟ่ เสิร์ฟจานอร่อยที่ใคร ๆ ต่างก็ติดใจ

คุณบอยพาเราเดินเข้าสู่โรงเรือนมะเขือเทศ พืชผลที่เขาเริ่มจากการสั่งเมล็ดพันธุ์ต่างประเทศมาลองปลูก และกลายเป็นจุดเปลี่ยนของฟาร์ม ความหวานฉ่ำของมะเขือเทศไม่ได้เป็นแค่ผลผลิต แต่คือสัญลักษณ์ของการลงมือทำและเรียนรู้จากศูนย์ จนเติบโตเป็นรายได้และความภูมิใจ 

สำหรับคุณบอยและคุณยุ้ยชีวิตเกษตรกรก็เหมือนการขับรถบนถนนขรุขระ เต็มไปด้วยหลุมบ่อและอุปสรรค แต่เมื่อผ่านไปได้ ก็พบทางราบเรียบที่ทำให้เรามีโอกาสมองเห็นวิวสวย ๆ ระหว่างทาง ซึ่งบนเส้นทางเกษตรกรรม รถปิกอัพคือเพื่อนร่วมทางที่ขาดไม่ได้ รถไม่ใช่แค่ยานพาหนะ แต่เป็นอีกหนึ่งแรงเสริมที่ทำให้เกษตรกรทำงานได้คล่องตัวและมีเวลาเหลือไปหาความสุขในแบบของตัวเอง

คุณบอยได้ทดลองขับอีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค 2.2Ddi MAXFORCE ที่มีสร้างความเซอร์ไพร์สเป็นอย่างมาก เพราะขับแล้วรู้สึกนุ่ม แน่น ไม่ว่าจะเป็นการขับบนทางเรียบ ทางขรุขระ หรือถนนเปียกก็ยังมั่นใจ อีกทั้งยังสะดวกในการใช้งานด้วยกระบะพื้นเรียบ (FLAT DECK) ที่นอกจากจะมีพื้นที่ในการบรรทุกที่มากแล้ว ยังสามารถเปิดท้ายกระบะได้ถึง 3 ด้านทำให้การขนของขึ้นลงทำได้สะดวกยิ่งขึ้น จะขนของหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ สิ่งที่คุณบอยชอบเป็นพิเศษคือเกียร์ออโต้ที่ขับง่าย ช่วยลดความเหนื่อย ทำให้ใครก็ขับได้ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันที่ทันสมัยอย่างหน้าจอระบบสัมผัสที่สามารถเชื่อมต่อ Wireless Android Auto และ Wireless Apple Carplay ที่จะทำให้ทุกการเดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ในวันนั้นคุณบอยได้ทดลองขับอีซูซุ ดีแมคซ์ สปาร์ค ที่มาในรูปแบบกระบะพื้นเรียบ ใน 3 สถานการณ์จริง การขับบนถนนเรียบ รถให้ความรู้สึกนุ่มแน่น ขับได้อย่างสบาย ไม่เมื่อยล้า เมื่อเปลี่ยนเส้นทางไปยังถนนขรุขระ ช่วงล่างก็ซับแรงกระแทกได้ดี ไม่กระเด้งกระดอนจนเสียอารมณ์ และแม้ในวันที่ฝนตกหนัก ถนนลื่น ก็ยังควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ 

กระบะพื้นเรียบถูกออกแบบโดยมีการต่อกระบะด้านหลังเป็นพื้นเรียบ ทำให้มีพื้นที่ในการบรรทุกมากขึ้นและสะดวกในการยกของขึ้นลงทั้งด้านข้าง และด้านท้าย ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขนผัก หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ทำได้คล่องตัวและสะดวกมากยิ่งขึ้น

คุณบอยบอกว่าชีวิตเหมือนการเดินทางบนถนนที่ขรุขระ จนมาถึงถนนที่ราบเรียบ ซึ่งมาจากความมุ่งมั่นและความสุขที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ เช่นเดียวกับอีซูซุ ดีแมคซ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตเกษตรกร ทำให้ชีวิตของเขาง่ายและมีเวลาไปทำในสิ่งที่ชอบมากขึ้น

ป่าจอมพลัง ชีวิตของเกษตรกรยุคใหม่กับภารกิจฟื้นฟูโลก

ในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มีเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้นำความรู้ความรักมาผสานกับนวัตกรรมเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จากผืนดิน เราจึงชวนกันเดินทางไปที่สวนวนสุวรรณ จังหวัดลพบุรี เพื่อพบกับ คุณจอม-จอมขวัญ หรรษาขจร เกษตรกรหญิงผู้เชื่อมั่นว่าดินมีชีวิตและทุกสิ่งในฟาร์มเชื่อมโยงกับระบบนิเวศรอบตัว 

ครั้งนี้เราขับรถปิกอัพ ISUZU D-Max Spark กระบะพื้นเรียบ (Flat Deck) ไปด้วยกันและให้คุณจอมได้ทดลองใช้งานขับรถเข้าสวนป่าจอมพลัง เก็บน้ำผึ้ง เก็บเศษใบไม้ กิ่งไม้ที่เป็นวัสดุทำดินไปจนถึงการขนส่งดินปลูกตรารถไฟไปถึงมือลูกค้า เพื่อสัมผัสด้วยตัวเองว่ารถคันนี้จะตอบโจทย์การทำงานในฟาร์มยุคใหม่ได้จริงหรือไม่

คุณจอมเติบโตมาในครอบครัวที่สนใจการเกษตร โดยคุณพ่อเริ่มจากการปลูกเห็ด ส่วนคุณแม่ก็ชอบปลูกผักทำให้คุณจอมซึมซับความเป็นเกษตรกรมาตั้งแต่เด็ก และต่อยอดจากขยะอินทรีย์ในโรงเห็ดของคุณพ่อสู่การตั้งฟาร์มไส้เดือนจอมพลังที่พัทยา และผลิตดินปลูกตรารถไฟขาย

กว่า 15 ปี ที่ได้คลุกคลีกับดิน คุณจอมบอกกับเราว่าดินคือจุดเริ่มต้นของสิ่งมีชีวิต เธอเรียกเหล่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ในดิน ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์หรือไส้เดือนว่า “ชาวดิน” เพราะเชื่อว่าถ้าดินมีชีวิตสิ่งมีชีวิตอย่างพืช ผัก ผลไม้ที่อยู่บนดินก็จะเติบโตอย่างยั่งยืน

คุณจอมพาเราเดินไปในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ท้องถิ่นอย่าง ต้นแต้ว และต้นติ้ว ซึ่งเป็นประเภทไม้ผลัดใบ ในช่วงหน้าร้อนใบจะร่วงลงมาเต็มพื้น เมื่อถึงหน้าฝนใบไม้เหล่านี้จะกลายเป็นกองปุ๋ยหมักตามธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงผืนป่าแห่งนี้ และเธอยังเก็บใบไม้ส่วนหนึ่งมาใช้เป็นอาหารให้จุลินทรีย์ท้องถิ่น เพื่อสร้างดินปลูกตรารถไฟที่เต็มไปด้วยชีวิตเข้าไปช่วยปรับปรุงดินในพื้นที่ของลูกค้า

แน่นอนว่าการเดินทางบนเส้นทางแห่งการฟื้นฟูนี้ต้องอาศัยผู้ช่วยที่แข็งแกร่ง ทั้งคนและรถยนต์ คุณจอมบอกว่า รถยนต์คือเครื่องทุ่นแรงสำคัญสำหรับทุกภารกิจ ตั้งแต่การขนส่งวัตถุดิบหนักๆ ไปจนถึงการส่งดินให้ลูกค้าในเมือง เมื่อถึงเวลาต้องขนดินตรารถไฟไปส่งให้ลูกค้า เราจึงลองใช้ ISUZU D-Max Spark ขนของไป จุดเด่นที่สร้างความประทับใจให้กับคุณจอมมากที่สุดคือคุณสมบัติของกระบะท้ายรถคันนี้มีกระบะพื้นเรียบซึ่งสามารถเปิดได้รอบคันหรือเปิดได้ทั้ง 3 ด้าน คุณสมบัตินี้ทำให้การใช้งาน สะดวกมาก เพราะสามารถยกกระสอบดินทั้งพาเลทขึ้นบนรถได้โดยตรง

พอได้ขับรถปิกอัพที่เป็นเกียร์ออโต้ ทำให้คุณจอมรู้สึกขับง่ายขึ้น แม้ว่ารถจะบรรทุกหนักแต่สมรรถนะยังยอดเยี่ยม โดยมีอัตราการเร่งดี การออกตัวดีและนุ่มนวลไม่สะดุด

ตลอดทั้งวันเราเดินทางไปตามจุดต่างๆ สัมผัสกลิ่นดิน กลิ่นใบไม้ และเสียงผึ้ง คุณจอมทำให้เห็นว่าการทำเกษตรฟื้นฟูไม่ใช่เรื่องล้าสมัย แต่เป็นวิถีชีวิตที่ต้องปรับตัวเพื่อสู้กับสภาพแวดล้อมและโลกร้อน การฟื้นฟูดินและป่าไม่ใช่แค่เพื่อผลผลิต แต่เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในอนาคต การทดลองขับ ISUZU D-Max Spark 2.2 Ddi MAXFORCE ครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นทั้งพลังของรถ และพลังของชาวดินที่กำลังฟื้นฟูโลกไปพร้อมกัน

พิลา ฟาร์ม สตูดิโอ กับการเดินทางที่เปลี่ยนชีวิตให้คุ้มค่ายิ่งกว่าเดิม

จากดีไซเนอร์ผู้สร้างสรรค์เสื้อผ้าในห้องสี่เหลี่ยมย่านสุขุมวิท สู่การเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ผู้สร้างแรงบันดาลใจบนพื้นที่ 15 ไร่ ท่ามกลางธรรมชาติอันร่มรื่นของเทือกเขาเพชรบูรณ์ คุณตั้ม-นิพนธ์ พิลา เป็นเจ้าของเรื่องราวการเดินทางที่น่าสนใจ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตที่เขาบอกว่า “โคตรคุ้มค่า”

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่แค่การย้ายที่อยู่ แต่เป็นการผสานสองโลกที่ดูเหมือนจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว คุณตั้มบอกว่าทั้งแฟชั่นและการเกษตรต่างก็ต้องปรับตัวตามฤดูกาล และใช้วัตถุดิบที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าในแบบของตัวเอง

นอกจากการพัฒนาพื้นที่ของตัวเองแล้ว หัวใจสำคัญของ พิลา ฟาร์ม สตูดิโอ คือการเป็นวิสาหกิจชุมชนที่เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมและสร้างอาชีพร่วมกัน ที่นี่มีทั้งคาเฟ่ และที่พัก ที่มีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น ข้าว สายพันธุ์ต่าง ๆ รวมถึงข้าวอัตลักษณ์ของเพชรบูรณ์อย่างข้าวลืมผัว หรือมะขามหวานซึ่งเป็นสินค้า GI ของเพชรบูรณ์ นำมาสร้างมูลค่าใหม่ผ่านบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม

เราชวนคุณตั้มทดลองขับรถปิกอัพ ISUZU D-Max Spark กระบะพื้นเรียบ (Flat Deck) ไปเปิดคาเฟ่ ดูแลที่พัก ตรวจคอกม้าท้ายฟาร์ม และเตรียมไปรับข้าวเปลือกอีกนับสิบกระสอบเพื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้า การเดินทางในครั้งนี้ทำให้เราเห็นว่าการเปลี่ยนผ่านจากดีไซน์เนอร์สู่เกษตรกรไม่ได้ทำให้คุณตั้มทิ้งทักษะเดิม แต่กลับเป็นการนำทักษะด้านการออกแบบมาสร้างมูลค่าใหม่ให้กับภาคการเกษตร และเขาเชื่อว่าในทุกชุมชนต่างก็มี “วัตถุดิบ” และของดีอยู่รอบกาย เพียงแค่เราต้องมองเห็นคุณค่าเหล่านั้นและนำมาสร้างประโยชน์ร่วมกัน

คุณตั้มเปิดประตูคาเฟ่ต้อนรับเรา พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มหอมกรุ่นจากเมล็ดกาแฟท้องถิ่น เขาเล่าว่า การเป็นดีไซเนอร์นั้นทำให้ต้องทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมและต้องพยายามวิ่งหาแรงบันดาลใจอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อตัดสินใจมาทำฟาร์มสตูดิโอแห่งนี้กลายเป็นการเปลี่ยนแปลงนั้นคุ้มค่ามาก 

เขานำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและประสบการณ์ที่สั่งสมมาใช้กับที่นา 15 ไร่ของที่บ้านคือ เกษตรกรรมมารวมกันทำให้เกิดเป็นฟาร์มที่มีดีไซน์ ซึ่งเป็นการใช้ทักษะหลาย ๆ อย่างมารวมกันในพื้นที่เพื่อสร้างมูลค่า ตั้งแต่การจัดสรรพื้นที่ การดีไซน์ที่พัก คาเฟ่ ไปจนถึงการสร้างบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าชุมชน ทั้งข้าวพันธุ์อัตลักษณ์ของเพชรบูรณ์อย่าง ข้าวลืมผัว ข้าวไรเบอร์รี่ และข้าวหอมมะลิ ไปจนถึงการแปรรูป มะขามหวาน GI ให้กลายเป็นของฝากที่ทั้งสวยและมีเรื่องราว

เพื่อรองรับภารกิจในแต่ละวัน ตั้งแต่การขนส่งผลผลิตในฟาร์มไปจนถึงการลำเลียงข้าวจากยุ้งข้าวของเกษตรกรในชุมชน รถปิกอัพจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขาดไม่ได้ ซึ่งครั้งนี้เราได้ชวนให้คุณตั้มทดลองขับปิกอัพ ISUZU D-Max Spark กระบะพื้นเรียบ (Flat Deck) ไปทำงานตลอดทั้งวัน หนึ่งในกิจกรรมที่ต้องทำเป็นประจำคือ การไปรับข้าวประมาณ 20 กระสอบเพื่อนำมาแปรรูปเป็นสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งข้าวทั้งหมดนั้นถูกขนไปวางเรียงท้ายปิกอัพที่เปิดโล่งทั้ง 3 ด้านได้ง่าย ๆ 

“สิ่งที่ผมชอบมากคือท้ายปิกอัพเป็นแบบพื้นเรียบ ทำให้ขนของได้เยอะขึ้นมาก แถมยังเปิดได้ 3 ทิศทาง ทำให้ยกของขึ้นลงสะดวกสุด ๆ เลยครับ”

นอกจากความคุ้มค่าในการใช้งานแล้ว คุณตั้มยังประทับใจในสมรรถนะของรถปิกอัพคันนี้ “รุ่นเกียร์ออโต้ เครื่อง 2.2 Ddi MAXFORCEกำลังส่งดีมากครับ ประหยัดน้ำมันสุด ๆ แล้วเวลาขับก็ให้ความรู้สึกหนึบ แน่น ยึดเกาะได้ดี รถคันนี้ไม่ใช่แค่พาหนะ แต่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสร้างมูลค่าในฟาร์มได้จริง”

สำหรับใครที่มีความคิดอยากกลับบ้าน คุณตั้มบอกว่า “ผมเชื่อว่าในทุกชุมชน ในทุกหมู่บ้าน มีวัตถุดิบแล้วก็มีของดีอยู่รอบกายแน่นอน อยากให้มองเห็นคุณค่าที่มีอยู่ในหมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีสิ่งที่มีประโยชน์แล้วก็สามารถสร้างมูลค่าในภาคการเกษตรร่วมกันได้ครับ”

ดูรายละเอียดรถ