ราสป์เบอร์รีสีดำ ไม้ผลต้นเล็ก ปลูกในกระถางก็ได้ ปลูกลงดินก็ดี อีกหนึ่งพืชกินผลที่คนรักสวนต้องมีติดบ้าน ซึ่งปฎิเสธไม่ได้ว่ากำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ราสป์เบอร์รีสีดำ (Black Raspberry) ชื่อวิทยาศาสตร์ Rubus occidentalis เป็นผลไม้ตระกูลกุหลาบ (Rosaceae) มีถิ่นกำเนิดในเขตอเมริกาเหนือ หที่มีลักษณะเป็นพุ่มเล็กถึงกลาง ราสป์เบอร์รีสีดำเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างราสป์เบอร์รีกับแบล็กเบอร์รี ผลที่ออกมามีลักษณะเหมือนกับราสป์เบอร์รีแต่มีสีดำ

ผิวผลของราสป์เบอร์รีเป็นเม็ดเล็กรวมกันเป็นก้อน มีสีดำหรือม่วงเข้มเมื่อสุก มีเปลือกบาง รสหวานอมเปรี้ยว มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าราสป์เบอร์รีบางชนิด เอกลักษณ์โดดเด่นที่รสหวานเข้ม กลิ่นหอมเฉพาะตัว และคุณค่าทางโภชนาการสูง ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งเพื่อสุขภาพและการแปรรูปเป็นสินค้าเกษตรมูลค่าสูง
นอกจากประโยชน์ด้านอาหารแล้ว ราสป์เบอร์รีสีดำยังเป็นพืชที่มีเสน่ห์สำหรับคนรักสวน ซึ่งคุณกิ๊ก แห่งบ้านสวนย่าน้อย จ.เชียงราย อีกหนึ่งสวนเกษตรที่ปลูกเบอร์รีหลากหลายสายพันธุ์ได้ให้ข้อมูลการปลูกดูแลจากประสบการณ์จริงมานานกว่า 5 ปี ปลูกได้ทั้งในกระถางและลงแปลงดิน ดูแลง่ายกว่าที่หลายคนคิด เมื่อได้รับน้ำ แสง และดินที่เหมาะสมก็ให้ผลผลิตดี และออกดอกติดผลต่อเนื่องในสภาพอากาศของไทยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่สูงหรือภาคเหนือ ซึ่งคุณกิ๊กเองได้ขยายพันธุ์จำหน่ายเป็นอีกหนึ่งรายได้ของฟาร์มด้วย

รู้จักต้นราสป์เบอร์รีสีดำ
ราสป์เบอร์รีสีดำเป็นไม้พุ่มกึ่งเลื้อย มีลักษณะคล้ายแบล็กเบอรร์รี ลำต้นจะทอดเลื้อย มีหนามขนาดเล็กตามกิ่ง เมื่อเติบโตเต็มที่สูงประมาณ 1.5–2 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นทรงพุ่มแผ่ขยาย ดอกออกเป็นช่อ มีสีชมพู ผลเป็นพวงคล้ายราสป์เบอร์รีแดง แต่เมื่อสุกเต็มที่จะกลายเป็นสีม่วงเข้มหรือดำ มีแว็กสีขาวเคลือบทั่วผล มีรสหวานนำเปรี้ยวเล็กน้อย มีความหอมและรสเข้มข้น นิยมกินสด แช่แข็ง ทำแยม น้ำผลไม้ ไวน์ และใช้ในเบเกอรีได้ดี
วิธีปลูกราสป์เบอร์รี
ราสป์เบอร์รีต้องการดินโปร่ง ระบายน้ำดี และมีความชื้นสม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะ การจัดดินปลูกให้ถูกต้องตั้งแต่แรกจะช่วยให้ต้นแข็งแรงและให้ผลผลิตเร็ว ควรใช้พีทมอส กาบมะพร้าวสับ แกลบดิบ ผสมกันเป็นวัสดุที่ใช้ในปลูก ที่สำคัญควรผสมไตรโคเดอร์มาแบบผง ดินสูตรนี้โปร่ง ระบายดี แต่ยังอุ้มน้ำให้ความชื้นคงที่เหมาะกับการเติบโตของราก
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต้องมีแสงแดดเต็มวัน อย่างน้อย 5–6 ชั่วโมง ด้วยความที่ราสป์เบอร์รีเป็นไม้ต่างถิ่นที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจึงชอบอากาศเย็น แต่สามารถปรับตัวกับอากาศในประเทศไทยได้
การปลูกลงแปลง แนะนำให้ขุดหลุมลึกประมาณ 30–40 เซนติเมตร กว้าง 30 เซนติเมตร เว้นระยะปลูกต้นละ 1 เมตร เมื่อนำต้นพันธุ์ราสป์เบอร์รีลงปลูกแล้ว กลบดินให้แน่นพอประมาณแล้วรดน้ำให้ชุ่ม หรือหากปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางที่มีขนาด 15 นิ้วขึ้นไป รองก้นกระถางด้วยกาบมะพร้าวสับหรือวัสดุโปร่ง วัสดุปลูกต้องระบายน้ำได้ดี รดน้ำให้ชุ่มหลังปลูก 2–3 วันแรก
การให้น้ำราสป์เบอร์รี ต้องการความชื้นสม่ำเสมอ ควรรดน้ำทุกวันโดยเน้นให้ดินชื้นแต่ไม่แฉะ ฤดูร้อนอาจต้องรดวันละ 1–2 ครั้ง ส่วนในช่วงฤดูฝนควรระวังน้ำขัง เพราะทำให้รากเน่าและเชื้อราเข้าทำลายได้ง่าย

ตัดแต่งและใส่ปุ๋ยให้ถูกช่วง
– ระยะ 1–2 เดือนแรกหลังปลูก ให้ใช้ปุ๋ยละลายช้า สูตร 16-16-16 ใส่ทุก 15 วัน
– ระยะ 3–4 เดือนหลังปลูก ใส่ใช้ปุ๋ย สูตร 8-24-24 ใส่เดือนละครั้ง
– ระยะออกดอก–ติดผล ให้พ่นแคลเซียมโบรอนสลับอาหารรอง ทุก 15 วัน ติดต่อกัน 3 ครั้ง ใส่ปุ๋ยสูตร 0-0-60
การให้ปุ๋ยถูกช่วงจะทำให้ดอกติดดี ผลดก เนื้อหวาน และเพิ่มความแข็งแรงให้ต้น
การตัดแต่งกิ่งราสป์เบอร์รีเป็นเรื่องสำคัญเพราะช่วยให้ต้นได้รับแสงทั่วถึง และลดปัญหาเชื้อรา เลือกตัดกิ่งอ่อน กิ่งเสีย และกิ่งไขว้กันออก และกิ่งที่ติดผลแล้วมักจะให้ผลเพียงครั้งเดียว ควรตัดหลังเก็บเกี่ยว หากเลี้ยงในกระถาง ให้ตัดแต่งพุ่มให้โปร่งอยู่เสมอ ใช้ไม้หลักหรือค้างเพื่อพยุงกิ่งไม่ให้ล้ม หรือทอดเลื้อยสัมผัสดิน
เพลี้ยไฟและไรแดง ศัตรูตัวโปรด
การปลูกราสป์เบอรี่สีดำให้หลีกเลี่ยงน้ำขัง เพราะเชื้อราเจริญได้ดีในสภาพชื้น โรคที่พบได้บ้าง ได้แก่ ราแป้ง รากเน่า ใบจุด ป้องกันด้วยการพ่นไตรโคเดอร์มาเป็นระยะ ควรปลูกในที่อากาศถ่ายเท ส่วนแมลงศัตรูที่พบบ่อยคือเพลี้ยไฟ และไรแดง ซึ่งเป็นศัตรูพืชสำคัญของราสเบอร์รี่
เพลี้ยไฟและไรแดง มักเข้าทำลายบริเวณใบแก่โดยดูดกินน้ำเลี้ยงใต้ใบ ทำให้เกิดเป็นจุดสีเหลืองเล็ก ๆ กระจายทั่วใบก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แห้ง และร่วงหล่น หากรุนแรงอาจพบการทำลายที่ดอกจนดอกบิดเบี้ยว และเมื่อเริ่มเห็นใยตามใบหรือกิ่งแสดงว่าการระบาดอยู่ในระดับหนัก ผู้ปลูกควรหมั่นสังเกตใต้ใบและตัดใบล่างที่เริ่มเหลืองออกเพื่อลดการสะสมของไรแดง การควบคุมสามารถทำได้ทั้งแบบชีววิธี โดยปล่อยไรตัวห้ำในอัตรา 9–10 ตัวต่อต้นทุก 2–3 สัปดาห์ และแบบสารเคมีอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และสลับกลุ่มยาเพื่อลดการดื้อยา โดยต้องปฏิบัติตามอัตราใช้และเว้นระยะก่อนเก็บเกี่ยวตามคำแนะนำบนฉลาก
นอกจากนี้ควรรักษาความชื้นรอบต้นเพราะไรแดงชอบสภาพอากาศร้อนและแห้ง การดูแลอย่างต่อเนื่องและเลือกวิธีที่เหมาะกับรูปแบบการปลูกจะช่วยลดการระบาดและทำให้ราสเบอร์รี่เจริญเติบโตได้ดี พร้อมให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ


ขยายพันธุ์จำหน่าย รายได้งาม
ราสป์เบอร์รีสีดำสามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายหลายวิธี เช่น การเพาะเมล็ด การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการโน้มกิ่งปลายยอดชำติดดินหรือวัสดุปลูก อย่างเช่น พีทมอส เป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด หลังจากนั้นรากจะเริ่มแตกออก ใช้เวลาประมาณ 30 วัน เมื่อรากงอกดีแล้วจึงย้ายปลูกลงกระถางหรือแปลงใหม่


ผลสุกให้เก็บเกี่ยวตอนเช้า
ผลราสป์เบอร์รีสีดำจะเริ่มติดดอกหลังจากปลูกได้ประมาณ 8 เดือน เมื่อติดดอกแล้วประมาณ 30 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพการดูแล เก็บเมื่อผลเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มและหลุดง่ายจากก้าน รสจะหวานที่สุดเมื่อสุกเต็มที่ ผลสดจะอยู่ได้ไม่นาน หากเก็บในช่วงเช้าอากาศเย็นจะช่วยให้ผลสดนานขึ้น ควรนำไปแปรรูปหรือแช่แข็งภายใน 1–2 วันเพื่อรักษาคุณภาพ
เรื่อง สรวิศ บุญประสพ
ภาพ บ้านสวนย่าน้อย เชียงราย Baansuanyaanoi Chaing Rai