สวนสมุนไพรฝรั่ง ปลูกดอกไม้กินได้ เพื่อใช้ตกแต่งอาหารในคาเฟ่ แห่งนี้ เริ่มขึ้นจาก คุณแม็ก – ธีระเดช จีนจะโปะ สถาปนิกหนุ่มที่มีบทบาทเป็นอาจารย์สอนประจำมหาวิทยาลัย ที่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เวลาเดินทาง “กลับบ้าน” ที่อยู่ห่างไกลกว่า 200 กิโลเมตร
สวนในคาเฟ่ที่เป็น สวนสมุนไพรฝรั่ง แห่งนี้ที่เกิดจากความรักของแม่และความชอบของลูกในชื่อ White House Forest KORAT
“เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นที่คุณแม่หลิน – ขนิษฐา เตชาวาณิช เป็นคนชอบเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งวินเทจครับ สะสมมาหลายสิบปีมีและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เรามาซื้อที่ตรงนี้เพื่อย้ายของมาเก็บ และใช้เป็นที่ปลูกผักเพื่อส่งไปเป็นวัตถุดิบใช้ทำอาหารที่ร้านของครอบครัว ชื่อว่า White House PakThongChai เรามีทั้งอาหารไทยและฝรั่ง จึงเจอปัญหาเรื่องวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารฝรั่งบางอย่าง เช่น คอส อิตาเลียนเบซิล ออริกาโน่ หาได้ยากในโคราช หรือถ้ามีขายราคาก็ค่อนข้างสูง การปลูกเองจึงเป็นคำตอบและเป็นจุดเริ่มต้นของคาเฟ่ในสวนสมุนไพรแห่งนี้ครับ”
หลังจากเปิดได้ไม่นาน White House Forest KORAT คนเริ่มรู้จักและบอกกันไปปากต่อปาก จากอาร์ตแกลอรี่เล็กๆ ก็เริ่มขยับขยายปรับเป็นคาเฟ่ในสวนสไตล์คอตเทจ แม้ว่าจะอยู่ในเขตเมืองแต่ก็ถือว่าที่ตั้งค่อนข้างลึกลับ ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่ายๆ แต่กว่าจะเป็นดั่งภาพที่เห็นการเดินทางของสวนสมุนไพรฝรั่ง อาร์ตแกลอรี่ และคาเฟ่ ล้วนแต่ต้องผ่านการลองผิดลองถูกมานับไม่ถ้วน
ก่อนจะเป็น สวนสมุนไพรฝรั่ง ภาพแรกต่างจากที่เห็น
“7 ปีที่แล้ว ผมขับรถมาเที่ยวแถวนี้เห็นป้ายประกาศขายที่ผืนนี้ เลยชวนคุณแม่มาดูและเราก็ตัดสินใจซื้อไว้ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ อยู่ติดกับสวนรุกขชาติปรุใหญ่ ซึ่งเป็นป่าในเมืองผืนใหญ่ที่เดียวของโคราช แต่บริเวณนี้เป็นพื้นที่รกร้างดินเสื่อมโทรม เคยเป็นไร่มันสำปะหลังที่ใช้สารเคมีกันเยอะมากครับ”
บ้านไม้ชั้นเดียวที่ได้แถมมาตอนซื้อที่แต่ก็ทรุดโทรมมาก คุณแม็กรื้อปรับใหม่โดยเก็บโครงสร้างเดิมและหลังคาเอาไว้ เปลี่ยนหน้าต่างสี่เหลี่ยมเล็กๆ ให้เป็นหน้าต่างกระจกโค้งบานใหญ่โดยใช้ไม้เก่าที่รื้อมาทำ ทุบผนังก่อกำแพงอิฐมอญและทำให้ดูเก่า เพื่อให้เข้ากับหน้าต่างไม้บานเกร็ดโบราณของสะสมของคุณแม่
สถาปนิกที่เป็นนักปลูก
คุณแม็กเล่าว่าตั้งใจแต่แรกแล้วว่าอยากจะทำสวนรอบๆ บ้านให้เป็นสไตล์คอตเทจ ฟีลสวนในบ้านแถบชนบทของต่างประเทศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด โดยเป็นคนวางผังสวนเองทั้งหมด อาศัยดูจากหนังสือต่างประเทศบ้าง จำจากสถานที่ต่างๆ ที่ได้ไปเห็นบ้าง แล้วค่อยมาดูพื้นที่ว่าแสงแดดส่องทางไหน มีตรงไหนที่พอจะทำตามแบบที่ไปเห็นได้บ้าง
“ต้นไม้ใหญ่เป็นของเดิมทั้งหมดครับ มีทั้งไม้ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ และที่เจ้าของเดิมปลูกไว้ ไม่ว่าจะเป็นลำไย ไผ่ หูกระจง จะว่าไปก็ไม่ได้เข้ากับสไตล์สวนคอตเทจที่อยากได้หรอกนะครับ แต่ก็อยากเก็บเขาไว้ไม่อยากตัดทิ้ง คิดหาวิธีปรับให้เหมาะสมลงตัวแทนครับ เราไม่ได้เรียนทางด้านแลนด์สเคปมาโดยตรง ใช้ความรู้ด้านการออกแบบ ทางด้านสถาปัตย์ที่เราเรียนมา แล้วใส่หัวคิดศิลปะและความชอบลงไปครับ”
คุณแม็กเล่าต่ออีกว่า หากขุดดินลึกลงไปสัก 1 เมตรจะเจอแต่เศษอิฐเศษปูนจากการก่อสร้างที่เอามาถมทิ้งไว้ ดินเดิมแถวนี้เป็นดินทรายที่ไม่เหมาะจะปลูกพืชใดๆ ทั้งสิ้น แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายามที่จะปลูกต้นไม้ให้ได้
“วิธีที่จะปลูกต้นไม้ในสภาพดินที่ไม่สมบูรณ์ได้ คือต้องใช้ดินจากที่ดิน ผมใช้ดินจาก ต.พุดซา เป็นดินที่ขุดขึ้นมาจากบ่อปลาที่มีมูลปลา มีอินทรียวัตถุที่สมบูรณ์มาใช้ถมที่ครับ พื้นที่โดยรวมของที่นี่จึงเหมาะกับการปลูกพืชที่มีระบบรากลึกไม่เกิน 20 เซนติเมตร จึงไม่มีปัญหากับผักและไม้ดอกที่จะปลูก แต่พวกต้นไม้ใหญ่หรือไม้พุ่มที่มีระบบรากลึกๆ จะต้องขุดหลุมปลูกและปรุงดินผสมขึ้นมาใหม่ครับ ผมใช้ดินถมที่ผสมกับขุยมะพร้าวและแกลบดำอย่างละเท่าๆ กัน และผสมไตรโคเดอร์มาลงไปด้วยเพื่อช่วยป้องกันเชื้อรา ซึ่งน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกครับ เพราะถ้าสังเกตจะเห็นว่าต้นไม้ที่นี่เจริญเติบโตงอกงามดีมาก ไม่ค่อยเป็นโรคจากเชื้อราครับ”
สวนกินได้ที่ต้องเป็นสวนที่สวยด้วย
จากความคิดเริ่มต้นที่แค่อยากปลูกผักที่ใช้เป็นวัตถุดิบส่งไปให้ที่ร้าน แต่ภาพตรงหน้าที่เราเห็นเต็มไปด้วยดอกไม้หลายชนิดที่แข่งกันออกดอกสีสันสดใสเบ่งบานไปทั่วทั้งสวน
“ทีแรกเลยผมปลูกแค่ผักสวนครัวกับพวกสมุนไพรต่างๆ กะเพรา โหระพา พริก กวางตุ้ง และสมุนไพรฝรั่ง เป็นผักที่ใช้ทำอาหารทั่วไป ไม้ดอกไม่มีอยู่ในความคิดเลยครับ แต่ผมเองชอบตกแต่งจานอาหารและแก้วเครื่องดื่มให้สวยๆ ซึ่งดอกไม้กินได้ที่ใช้ตกแต่งอาหารที่โคราชมีราคาแพงมากครับ เลยเริ่มปลูกเองบ้างเล็กๆ น้อยๆ เช่น อัญชัน พวงชมพู บานชื่น”
“ตอนเราปลูกแต่ผัก สวนก็มีแต่สีเขียวๆ ไม่สวยอย่างที่อยากได้ครับ พอมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศ เอ๊ะทำไมสวนเขาถึงสวย ก็สังเกตเห็นว่าเพราะเขามีไม้ดอกปลูกผสมอยู่ด้วย เราก็กลับมาลองทำบ้าง เอาไอ้นั่นไปใส่ตรงนั้นเอาอันนี่มาปลูกตรงนี้ พอปลูกรวมๆ กันแล้วก็ดูมีสีสันสวยดีครับ“
ด้วยพืชที่ปลูกบางชนิดจะเป็นประเภทที่มีอายุหลายปี ส่วนดอกไม้ส่วนใหญ่จะเป็นประเภทล้มลุก ต้องปลูกใหม่หลังจากดอกโรยและต้นโทรม ในแปลงปลูกผักคุณแม็กจะเว้นพื้นที่เผื่อไว้นิดหน่อยเพื่อให้ปลูกไม้ดอกแทรกได้ ในแปลงจึงมีทั้งผัก สมุนไพรฝรั่ง และไม้ดอกอยู่ด้วยกันในอัตราส่วน 70 : 30
“ดอกไม้จะทำให้บ้านดูซอฟท์ลง สวนดูนุ่มนวลมากขึ้นครับ อย่างเช่นบนหลังคา ผมไม่ชอบสีส้มๆ แดงๆ ของ กระเบื้องมุงหลังคาเลยครับ คิดหาวิธีว่าจะทำยังไงให้สีของหลังคาดรอปลง เลยปลูกเหลืองชัชวาลให้เลื้อยคลุม ปลูกมาน่าจะ 7 ปีแล้วครับ ข้อดีอีกอย่างคือช่วยลดความร้อนภายในบ้านด้วยครับ เพราะที่นี่ช่วงหน้าร้อนอากาศร้อนมาก และภายในบ้านเรารื้อฝ้าออกเพื่อให้เปิดโล่ง เลยไม่มีฉนวนกันความร้อน การปลูกไม้เลื้อยคลุมหลังคาช่วยได้มากๆ เลยครับ”
นอกจากบานชื่นพม่าแล้ว ที่นี่ยังมีเมล็ดพันธุ์บานชื่นหนู ทานตะวันเม็กซิกัน (หรือดอกพิสมัยในภาษาพื้นบ้านคนโคราช) และในอนาคตจะมีเมล็ดไฟเดือนห้าจำหน่าย ราคาซองละ 25-30 บาท ดอกไม้เหล่านี้มีมากเกินพอสำหรับแต่งร้านและแต่งจานอาหารเครื่องดื่ม อีกทั้งลูกค้าขอซื้อไปปลูกบ้าง คุณแม็กรับประกันว่าเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อไปงอกแน่นอน ทั้งยังสามารถเพาะขยายพันธุ์ปลูกต่อได้
สวนสมุนไพรฝรั่ง ดูแลตามวิถีฟาร์มเมอร์มือใหม่
ประสบการณ์ปลูกผักตลอด 3 ปีที่ผ่านมาของสถาปนิกหนุ่มที่ออกตัวว่ายังไงก็ยังเป็นมือใหม่ คุณแม็กทดลองปลูกผักต่างๆ ทั้งไทยและเทศมาไม่น้อยกว่า 40 ชนิด ถ้ารวมไม้ดอกด้วยแล้วก็น่าจะกว่า 100 ชนิด
“ผมเริ่มจากปลูกผักในแปลงดินยกร่องธรรมดาๆ เลยครับ เจอเมล็ดอะไรก็ซื้อมาโยนๆ ปลูกๆ ไปเรื่อยเปื่อย ความรู้ด้านการเกษตรเริ่มต้นจากศูนย์เลยก็ว่าได้ครับ เคยปลูกผักในกระบะที่ก่อด้วยอิฐ แต่มีปัญหาโรคจากเชื้อรา จนต้องรื้อทิ้ง และกลับมาปลูกในแปลงยกร่องเหมือนเดิมครับ
“หลังจากปลูกไปนานๆ ดินจะยุบลง เราต้องเติมดินที่ผสมขึ้นเองตามที่บอก และหมั่นพรวนดินทุกอาทิตย์เพื่อให้อากาศใต้ดินระบายได้ดี โดยเฉพาะที่บริเวณโคนต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญนะครับ วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากเชื้อราได้ และเหมาะกับสมุนไพรฝรั่งบางชนิด เช่น ลาเวนเดอร์ โรสแมรี่ด้วยครับ“
แปลงปลูกบริเวณหน้าบ้านตั้งใจทำเป็นกระบะปลูก โดยใช้ไม้แบบเก่าของช่างตอนที่รีโนเวทบ้าน และประตูห้องน้ำพีวีซีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ต้นไม้ที่ปลูกจะมีการปรับเปลี่ยนไปเตามฤดูกาลและความชอบ บางครั้งก็ปลูกไม้ดอก บางครั้งก็ปลูกผัก ปลูกสมุนไพรฝรั่งสลับกันไป
“อีกเรื่องก็คือผมจะไม่ปลูกต้นไม้ชนิดเดียวกันทั้งแปลง หรือทั้งกลุ่มในบริเวณนั้น เพราะถ้ามีโรคมีปัญหาก็จะพากันตายทั้งหมด เราจะปลูกต้นไม้หลายอย่างรวมกันทั้งต้นเล็กต้นใหญ่ เพื่อสร้างเป็นระบบนิเวศให้เขาดูแลพึ่งพากัน แม้บางครั้งเราลืมรดน้ำบ้างเขาก็ยังอยู่ได้ เราปลูกต้นไม้จัดสวนเลียนแบบสภาพในธรรมชาติครับ”
“อากาศของที่นี่ต่างไปจากแถวเขาใหญ่ครับ ที่นั่นมีภูเขาอากาศค่อนข้างเย็น แต่ตรงนี้ถ้าหน้าร้อนคือร้อนมาก ต้องดูแลเรื่องน้ำมากเป็นพิเศษ ผมติดตั้งระบบสปริงเกลอร์ไว้ทั่วทั้งสวนครับ เริ่มจากวางระบบ ไปซื้อของ และทำเองทั้งหมด ตำแหน่งหัวฉีดน้ำจะดูจากความชอบของต้นไม้ที่ปลูก อย่างถ้าเป็นสมุนไพรฝรั่งไม่ควรจะปักหัวสปริงเกลอร์ที่บริเวณโคนต้น เพราะจะทำให้ต้นได้รับน้ำมากเกินไป ควรจะปักให้ห่างออกมา ให้มีแค่ละอองน้ำไปถึงต้นจะดีกว่า เพื่อรักษาความชื้นบริเวณผิวดิน ลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ครับ”
ปุ๋ยสูตรคุณแม่ ใช้ของเหลือจากการทำอาหาร
“คุณแม่จะมีสูตร ‘ปุ๋ยนมบูด’ ร้านเราทำเบเกอรี่บางครั้งก็มีนมเหลือใช้ที่หมดอายุครับ ใช้นมจืดผสมน้ำเปล่าอัตราส่วน 1 : 3 นำไปรดต้นไม้ในสวนทุก 15 วัน โดยเฉพาะไม้ดอกจะออกดอกดกขึ้นมากครับ ข้อดีอย่างก็คือมดก็ไม่มากวนต้นไม้ด้วยครับ ปุ๋ยนมบูดนี้คุณแม่ได้สูตรมาจากเพื่อนที่เป็นเจ้าของสวนพุทรานมสดที่วังน้ำเขียวครับ
“ที่นี่จะมีปัญหาเรื่องแมลงและเพลี้ย ด้วยความที่พื้นที่รอบๆ เขาฉีดยาฆ่าแมลงกันหมด พวกเพลี้ยก็เลยหนีมาอยู่ที่สวนเรา วิธีแก้ไขคือใช้น้ำฉีดแรงๆ เพื่อล้างให้เพลี้ยหลุดจากต้นครับ นอกจากนี้ก็มีเรื่องของหนอนครับ แถวนี้ผีเสื้อค่อนข้างเยอะ แต่เราก็ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยให้เขากินไป แบ่งๆ กันไปครับ”
อนาคตที่จะเป็นมากกว่าคาเฟ่
นอกจากจะเป็นคาเฟ่สวยที่มีเครื่องดื่มดี ขนมอร่อย และมุมถ่ายรูปหลากหลายแล้ว ในฤดูหนาวช่วงปลายปี (ประมาณเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม) คุณแม็กวางแผนจัดกิจกรรมเวิร์คช็อปศิลปะบำบัด โดยมีเพื่อนๆ อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมาร่วมสร้างสรรค์ด้วยกัน
“ผมมองไว้ว่าเราจะโตขึ้นแบบยั่งยืนครับ หลังจากที่น้องๆ เรียนจบก็จะมาช่วยกัน นำความรู้ที่เรียนมามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของครอบครัว อาจจะเปิดให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพพร้อมที่พัก มีกิจกรรมให้ทำ ทำสวนทำอาหาร มุ่งเน้นไปทางด้านการมีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพที่ดีอย่างมีความสุขครับ
“อาหารเครื่องดื่มที่เราทำก็อาจจะมีการวิจัยต่อยอดทำให้เป็นสูตรเฉพาะขึ้นมา มีชาดอกไม้ รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ต้นไม้ต่างๆ ที่เราเพาะขยายพันธุ์เองจำหน่ายในราคาไม่แพงครับ แต่มั่นใจได้ว่าถ้าซื้อไปปลูกต่อต้องรอดแน่นอน เพราะเราก็ปลูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่แย่เหมือนกัน“
ชาดอกไม้ เครื่องดื่มขึ้นชื่อที่คุณแม็กคิดสูตรขึ้นเอง หลังจากที่มีโอกาสได้ไปออกแบบอาคารให้กับศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพืช อพ.สธ.คลองไผ่ ซึ่งที่นั่นทำชาหลายชนิดคุณแม็กจึงขอมีส่วนร่วมในการปรับปรุงสูตรเพื่อให้ได้สูตรเฉพาะที่มี เบสคือใบหม่อน ผสมกับดอกกุหลาบมอญอบแห้ง ใบมินต์อบแห้ง และคาโมมายด์ ผสมรวมกันในทีแบ็ค นำมาชงกับน้ำร้อนและใส่ใบสดของแบล็กมินต์ และทาร์รากอนเพิ่มลงไป
สวนลับ พื้นที่ดูแลกันและกัน
“เราเป็นร้านเล็กๆ เป็นธุรกิจในครอบครัว คุณแม่ดูแลอาหารและขนม ส่วนผมมีหน้าที่หลักคือดูแลสวน อีกทั้งมีงานประจำที่ต้องทำ ร้านจึงเปิดแค่เสาร์อาทิตย์ครับ อีกส่วนหนึ่งคืออยากให้สวนได้พัก มีเวลาได้ดูแลปรับปรุงบ้าง”
“ผมทำที่นี่ผมได้เพื่อน ได้แลกเปลี่ยนความคิดในกลุ่มคนที่ชอบอะไรที่คล้ายกัน ได้พลังบวก ได้แบ่งปันแจกจ่ายความสุข ได้เห็นคนที่มาเยี่ยมร้านเรามีความสุข ได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง การเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุดครับ ทุกวันนี้เราก็ยังลองผิดลองถูก ทำนั่นทำนี่กันไปเรื่อย เพื่อหาประสบการณ์”
“อาจจะดูเหนื่อยหน่อยแต่พวกเราก็มีความสุขค่ะ แม่ได้เดินดูแลสวน ได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ได้ความรักความอบอุ่นในครอบครัว ได้เห็นรอยยิ้มของลูกแม่ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ” ประโยคทิ้งท้ายของคุณแม่หลิน ที่สื่อความสุขผ่านในหน้าอย่างชัดเจน
ติดตามวันเปิดร้าน สำรองที่นั่ง และกิจกรรมต่างๆ ของร้านได้ที่
เฟซบุ๊กแฟนเพจ White House Forest KORAT
โทร. 06-4579-1896 แผนที่ : goo.gl/maps/gCs5avmB2ausnvZH8
เรื่อง : วชิรพงศ์ หวลบุตตา
ภาพ : ธนายุต วิลาทัน
ผู้ช่วยช่างภาพ : จันทิมา ชื่นคุ้ม