“พริกเหลืองดาวทอง” เป็นพริกที่อยู่ในกลุ่มพริกชี้ฟ้า (Capsicum annuum) ผลแก่จะมีสีเหลืองส้ม สวยเด่น ขนาดผลยาว เรียว เนื้อแน่น มีกลิ่นหอมเฉพาะ
พริกเหลืองดาวทอง เหมาะสำหรับบริโภคสด แกง ผัด หรือใช้ในอาหารที่ต้องการความเผ็ดปานกลาง และเน้นสีสัน จุดเด่นคือ ให้ผลผลิตดก สีเหลืองส้มสดสวย และทนโรคได้ดี
ชื่อสามัญ: พริกเหลืองดาวทอง
ชื่อท้องถิ่น: –
วิธีปลูกพริกเหลือง พริกเหลืองดาวทอง
- การเตรียมเมล็ด ใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพจากศรแดงหรือแหล่งที่เชื่อถือได้ การปลูกพริกใช้เมล็ดพันธุ์ 50-60 กรัม ต่อพื้นที่ 1 ไร่ โดยนำเมล็ดพันธุ์ไปทดสอบความงอก คัดเมล็ดที่มีตำหนิออก และไม่แนะนำให้นำเมล็ดแช่น้ำ เพราะเมล็ดพริกเหลืองดาวทอง ศรแดง มีการคลุกเมล็ดด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดแมลง เพื่อป้องกันโรคและแมลงเข้าทำลาย หากแช่น้ำจะทำให้สารเคมีละลายไป

- การเพาะกล้า สามารถเพาะลงถาดหลุม หรือแปลงเพาะ หากเพาะลงถาดหลุมวัสดุเพาะควรเป็นขุยมะพร้าวหรือพีทมอสที่มีการระบายน้ำและอากาศได้ดี ส่วนแปลงปลูกดินต้องมีความร่วนซุย เมื่อหยอดหรือหว่านเมล็ดแล้ว กลบด้วยดินบางๆ แล้วรดน้ำสม่ำเสมอ หลังจากนั้น 7-10 วัน เมล็ดพริกเหลืองดาวทองจึงจะเริ่มงอก และพร้อมย้ายปลูกเมื่ออายุ 25-30 วันหรือมีใบจริง 4-5 ใบ
- การเตรียมแปลง ไถพรวนดินลึก 20-30 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในแปลงปลูกเพื่อเพิ่มธาตุอาหารในแปลงก่อนย้ายปลูก ปรับพื้นที่ให้ระบายน้ำได้ดี หากปลูกช่วงฤดูฝนควรยกร่องเพื่อป้องกันน้ำท่วม ระยะระหว่างต้น 50 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 75 เซนติเมตร ควรย้ายปลูกต้นกล้าในช่วงเย็นหรือเช้ามืด เพื่อให้ต้นกล้ามีเวลาในการปรับตัวต่อสภาพอากาศและแสงแดด สำหรับบ้านไหนที่มีพื้นที่ปลูกน้อย สามารถปลูกพริกเหลืองดาวทองลงกระถางได้ ควรปลูกลงกระถางที่มีขนาด 10 นิ้วขึ้นไป และหาไม้ยาวประมาณ 1-1.2 เมตรพยุงลำต้นให้ต้นพริกตั้งตรงอยู่เสมอ

- สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพริกเหลืองดาวทอง25–35 องศาเซลเซียสชอบแสงแดดตลอดทั้งวันหรืออย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงต่อวัน ดินร่วนปนทราย ระบายน้ำและอากาศได้ดี pH ในดินประมาณ 6.0–6.8 ต้องการน้ำสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงน้ำขัง โดยเฉพาะช่วงออกดอกและติดผล
- ตารางการใส่ปุ๋ย พริกเหลืองดาวทอง

- การเก็บเกี่ยว เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 90 วันหลังย้ายปลูก ผลแก่สีเหลืองส้ม ยาว เรียว ขนาดประมาณ 10–14 เซนติเมตร เก็บผลผลิตได้ทุก 3–5 วัน ต่อเนื่องได้นาน 2–3 เดือน ผลผลิตเฉลี่ย 2.5–4 ตัน/ไร่ (ขึ้นกับการดูแล)
