บัว

ดอกบัวมีหลายแบบ มารู้จักบัวกัน

บ้านเรานับเป็นแหล่งรวมไม้ประดับที่แห่งหนึ่งที่สำคัญของโลกก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นไม้เมืองร้อน ไม้เมืองหนาว ปลูกง่ายหรือยากอย่างไร เมืองไทยมีแทบทุกชนิด และนำมาปลูกประดับกันอย่างสวยงาม เช่นเดียวกับ “บัว” ที่คนไทยนำมาใช้ประโยชน์กันมากมาย ดอกบัว

คำว่า “ บัว ” ภาษาอังกฤษมีอยู่ 2 คำ คือ คำว่า Waterlily กับ Lotus  หลายคนรู้ว่า “Lotus” คือบัวหลวง พืชในสกุล Nelumbo  ที่คนไทยนำดอกมาบูชาพระ ซึ่งเป็นเสมือนสัญลักษณ์แห่งพระพุทธศาสนา ดอกบัว

บัว ดอกบัว
บัวหลวง ดอกชูเหนือน้ำ ใบกลมใหญ่

ดังพุทธประวัติที่ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อครั้งที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติและก้าวเดิน ก็มีดอกบัวหลวงผุดขึ้นจากน้ำรองรับพระบาทอยู่ นอกจากนี้คนไทยยังนำเกสรบัวหลวงมาใช้เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกาย ฝักบัว รากบัวและไหลบัวหลวงยังนำมาประกอบอาหารได้ ส่วนใบบัวยังนำมาห่อข้าวนึ่ง เป็นข้าวห่อใบบัวอีกด้วย

บัว ดอกบัว
บัวผันลูกผสมพันธุ์ Fox Fire ภาพ : วีระประวัติ ตรีสุวรรณ
บัว ดอกบัว
บัวฝรั่งพันธุ์ Bangkok Sakura ภาพ : วีระประวัติ ตรีสุวรรณ
บัว ดอกบัว
บัวฝรั่งพันธุ์จักรพงษ์ ภาพ : วีระประวัติ ตรีสุวรรณ

ขณะที่อีกหลายคนคงสงสัยว่า “Waterlily”  คือบัวชนิดไหน ประเภทใด 

สำหรับคำว่า Waterlily หรือ “ อุบลชาติ ” เป็น บัว อีกกลุ่มหนึ่งที่คนไทยรู้จักกันดีเช่นกัน นั่นก็คือ บัวสาย หรือ บัวกินสาย พืชในสกุล Nymphaea  ก้านของบัวสาย คนไทยนิยมนำมาปรุงอาหารที่ขึ้นชื่ออย่าง ต้มสายบัวกับปลาทู และขนมสายบัว ซึ่งเป็นขนมหวานไทยที่ปัจจุบันหากินได้ยากแล้ว

อุบลชาติ หรือ Waterlily ในสกุล Nymphaea นอกจากบัวสายที่ให้ดอกบานช่วงค่ำถึงรุ่งเช้าแล้ว ยังมีบัวประเภทอื่นที่อยู่ในสกุลนี้ก็คือ บัวผัน บัวเผื่อน และบัวฝรั่งที่ให้ดอกบานช่วงกลางวันใบลอยแตะผิวน้ำ ซึ่งปัจจุบันนิยมปลูกเป็นไม้ประดับกันมาก อาจมีคำถามต่อว่า แล้วบัวแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เรามีจุดสังเกตง่ายๆ คือ

ชมบัวสวยๆ ต่อที่หน้า2