กระแส ดอกไม้ไทยกินได้ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากความสวยงามน่ารัก ตะมุติมิ ที่ได้เห็นสีสันของไม้ดอกบนเค้กแสนอร่อยแล้ว การกินดอกไม้ยังเป็นวัฒนธรรมการกินที่ตกทอดมาจากบรรพรุษในทั่วทุกมุมโลกด้วย
ดอกไม้ไทยกินได้ จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ คนไทยจึงคุ้นเคยกับดอกไม้ไทยในเมนูอาหาร ทั้งของหวานและของคาว แต่เมื่อได้มาฟังเรื่องเล่าสนุกจากคุณอ้อ ถนอมวรรณ สิงห์จุ้ย ที่ฟาร์มสุขดอกไม้ไทยกินได้ จึงได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้ว ยังมีอีกหลายมิติของการกินดอกไม้ที่เราไม่เคยรู้มาก่อน
ใบผีเสือราตรีที่รสชาติเหมือนตะลิงปลิง ดอกกล้วยไม้ตระกูลเข็มที่ให้รสชาติเหมือนแตงโม ดอกดาวกระจายป่ารสชาติเหมือนมะม่วง ความมหัศจรรย์เล็กๆ ที่เกิดจากการได้สัมผัสกับรสชาติของความสวยงามตามคำแนะนำให้ชิมของคุณอ้อในห้องบรรจุกล่องตามออร์เด้อจากคาเฟ่และร้านอาหารชื่อดัง
“แต่ก่อนพี่ปลูกผักขายจะขายได้ก็ตอนเก็บเกี่ยว ราคานั้นไม่ต้องพูดถึงถูกแสนถูก แต่พอหันมาปลูกดอกไม้ไทยกินได้มันใช้ระยะเวลาปลูกก็จริง แต่ราคาขายตกอยู่ที่ดอกละ 1 บาท ในหนึ่งกล่องจะอยู่ที่ 50-100 ดอก (ขึ้นอยู่กับชนิด) แล้วตั้งเป้าเลยว่าจะส่งให้ร้านอาหารเท่านั้น”
ความตั้งใจและกลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัด อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการทำเกษตรรูปแบบใหม่ที่สร้างรายได้ทุกวัน แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ร่วมอยู่ด้วย สิ่งนั้นคืออะไร ไปหาคำตอบพร้อมๆ กัน
ปลูก ดอกไม้ไทยกินได้ ให้เรียนรู้อยู่เสมอ
“พื้นที่ปลูกของฟาร์มสุขดอกไม้ไทยกินได้มันไม่มากนะ พี่เลือกปลูกเฉพาะที่ลูกค้าต้องการแล้วใช้เทคนิคการตัดแต่งดูแลให้ดอกไม้เหล่านี้ออกดอก การทำฟาร์มดอกไม้ไทยกินได้ของพี่จึงเป็นเรื่องของการศึกษาหาความรู้ เรียนรู้ อ่านงานวิจัย ทดลองปลูก และวางแผนการตลาด วางกลุ่มเป้าหมายชัดๆ มันเลยทำให้ควบคุมคุณภาพและปริมาณได้ตรงตามต้องการ ที่สำคัญเราต้องไม่หยุดเรียนรู้ ค้นหาศาสตร์ใหม่ๆ มาแนะนำลูกค้าที่สั่งดอกไม้ของเรา และเรียนรู้จากลูกค้าด้วย เมื่อเราเข้าใจทั้งเขาและเราก็เกื้อหนุนกันได้เรื่อยๆ มันเลยทำให้การทำเกษตรมีรายได้ที่สม่ำเสมอ”
เลือกใช้ ดอกไม้ไทยกินได้ ให้เหมาะกับเมนู
“สิ่งที่ร้านอาหารได้จากตรงนี้คือจะคุม costได้ เขาจะรู้ว่าใช้ cost ตกแต่งอยู่ที่กี่บาท มันเป็น Business Plan ของแต่ละร้านที่เราช่วยซัพพอร์ตเขา ช่วยให้เขาสามารถคุมต้นทุนได้ ในขณะเดียวกันหากทางเชฟต้องการดอกไม้ชนิดใดในแต่ละเมนู ซึ่งเปลี่ยนทุกซีซั่น เราก็จะวางแผนร่วมกันแล้วว่าจะใช้เมื่อไหร่ ต้องปลูกตอนไหน ใช้ดอกแบบไหน เพื่อให้ทั้งร้านอาหารและเราเดินไปด้วยกันได้ มันจึงจะเกิดความยั่งยืน”
“บางคนยังไม่รู้นะว่า การเลือกดอกไม้มาใช้เมนูแต่ละประเภทจะต้องใช้แตกต่างกัน อย่างกลุ่มอาหารจะเลือกใช้ดอกผักซึ่งดอกผักหรือดอกผลไม้จะให้รสชาติเหมือนผักหรือผลไม้ชนิดนั้นๆ ที่นิยมมากๆ ก็จะเป็นดอกโหระพา ดอกพริก ดอกผักชีลาว ดอกผักชีล้อม แต่หากเป็นสายคาเฟ่หรือบาร์ จะใช้ดอกไม้ตกแต่งเป็นหลัก จะต้องใช้ดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นหรือไม่มีรสชาติ ไม่ให้กลิ่นรบกวนขนมเค้ก อย่างพวงชมพู หางนกยูงไทย เล็บมือนาง”
อยากให้ดอกไม้ออกดอกต้องรู้เทคนิค
“มีหลายคนถามว่าพี่ปลูกแค่นี้ทำไมเก็บขายได้ทุกวัน มันก็มีเทคนิคการปลูกด้วยการ “ทำสาว” หรือตัดแต่งกิ่งเมื่อถึงช่วงที่เหมาะ ต้นไม้ก็จะออกดอกตามธรรมชาติ แค่ต้นเดียวหากปลูกและดูแลถูกวิธีก็เก็บดอกให้เก็บได้ตลอด” คำแนะนำของคุณอ้อเห็นได้ชัดจากดอกมะลิซ้อนต้นเล็กแต่ออกดอกเต็มต้น
ตัดดอกอย่างไรใบอยู่สวยทนนาน
นอกจากเข้าใจความต้องการของลูกค้า สามารถผลิตดอกไม้ตรงตามกำหนดเวลาแล้ว คุณภาพของดอกไม้ในสวนก็สำคัญที่ทำให้ลูกค้าอยู่กับเราต่อยาวๆ ซึ่งพี่อ้อบอกเคล็ดลับไว้ว่า
“วิธีทำให้เก็บรักษาดอกไม้กินได้ให้อยู่ยาวนานเกือบสัปดาห์นั้น มันต้องเริ่มจากการปลูกก่อน ดอกไม้จากสวนต้องแข็งแรง ด้วยการดูแลรดน้ำใส่ปุ๋ย เวลาในการเก็บดอก วิธีการตัดดอก พอถึงมือเชฟแค่เก็บรักษาความเย็นในตู้เย็นก็อยู่ได้ยาวนานแล้ว” พี่อ้อกล่าวทิ้งท้าย
เรื่อง JOMM YB
ภาพ อภิรักษ์ สุขสัย