หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมีข้อข้องใจ ว่าทำไมไม้ดอกไม้ประดับที่กำลังปลูกเลี้ยงนั้นไม่สวยและออกดอกสะพรั่งเหมือนที่เห็นเขาจำหน่ายกันในตลาดต้นไม้ หรือต้นและใบไม่เขียวสดเงางาม ต้นที่ควรออกดอก ก็ไม่ยอมผลิดอกแย้มบานให้ได้ชื่นชม ไม่เหมือนกับช่วงแรก ๆ ที่ซื้อมาปลูก จนเกือบถอดใจและคิดเลิกปลูกให้รู้แล้วรู้รอด อยากให้คุณลองสำรวจดูก่อนว่า ที่เป็นเช่นนั้น เพราะสาเหตุใด ใส่ปุ๋ยไม้ดอก ปุ๋ยไม้ใบ เพียงพอหรือไม่
ไม้ดอกไม้ประดับแทบทุกชนิดจะเจริญเติบโตสวยงามได้ โดยเฉพาะต้นไม้ที่ปลูกในกระถางซึ่งมีดินและพื้นที่จำกัด นอกจากไม้ดอกไม้ประดับนั้น ๆ ต้องได้รับแสงแดดและน้ำ ปลูกในดินหรือวัสดุปลูกที่ร่วนซุยระบายน้ำได้ดีแล้ว สิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ การใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหารให้พืชอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างจากคนเราที่ต้องกินอาหารที่ดีและมีประโยชน์เป็นประจำ เพื่อให้มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ปุ๋ยไม้ใบ
เมื่อต้องการให้ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกเลี้ยงแข็งแรงและออกดอกสวยสดได้อย่างใจต้องการ การใส่ปุ๋ยจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปลูกเลี้ยงต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตัวช่วยที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และดีที่สุดสำหรับคนรักต้นไม้ คงหนีไม่พ้นการให้ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยเม็ดควบคุมการปลดปล่อย ซึ่งมีธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการก็คือ N-P-K อย่างครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกหลายคนมีความกังวลว่า หากใส่ปุ๋ยเคมีบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการตกค้างในดิน จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใส่ปุ๋ย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยงไม่สวยงามเท่าที่ควร เราจึงควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ปุ๋ยเคมีกันก่อนว่า ต้องมีหลักการให้ปุ๋ยเคมีอย่างไร พืชจึงจะได้ประโยชน์ที่สุดและคลายความกังวลว่าเราจะไม่ทำร้ายดินด้วย
เมื่อต้องการให้ไม้ดอกไม้ประดับที่ปลูกเลี้ยงแข็งแรงและออกดอกสวยสดได้อย่างใจต้องการ การใส่ปุ๋ยจึงเป็นสิ่งที่ผู้ปลูกเลี้ยงต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งตัวช่วยที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และดีที่สุดสำหรับคนรักต้นไม้ คงหนีไม่พ้นการให้ปุ๋ยเคมี โดยเฉพาะปุ๋ยเม็ดควบคุมการปลดปล่อย ซึ่งมีธาตุอาหารหลักที่พืชต้องการก็คือ N-P-K อย่างครบถ้วน
อย่างไรก็ตาม ผู้ปลูกหลายคนมีความกังวลว่า หากใส่ปุ๋ยเคมีบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดการตกค้างในดิน จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใส่ปุ๋ย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้นไม้ที่ปลูกเลี้ยงไม่สวยงามเท่าที่ควร เราจึงควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการให้ปุ๋ยเคมีกันก่อนว่า ต้องมีหลักการให้ปุ๋ยเคมีอย่างไร พืชจึงจะได้ประโยชน์ที่สุดและคลายความกังวลว่าเราจะไม่ทำร้ายดินด้วย
หลักการให้ปุ๋ยเคมีอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพสูงสุด
“การให้ปุ๋ยเคมีเป็นหนึ่งในวิธีการให้ธาตุอาหารแก่พืชในส่วนที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของพืชที่ได้จากดิน และเพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ” โดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับชนิดต่าง ๆ ที่ปลูกในกระถาง ซึ่งมีพื้นที่และธาตุอาหารในดินจำกัด โดยหลักการให้ปุ๋ยที่ถูกวิธี จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยร่วมดังนี้
การเลือกใช้สูตรปุ๋ยที่เหมาะสมกับพืชที่ปลูก การเลือกใช้ปุ๋ยเคมีสูตรต่าง ๆ จะต้องพิจารณาความต้องการธาตุอาหารของพืชแต่ละชนิด รูปของธาตุอาหารปุ๋ย และปริมาณของธาตุอาหารพืช เพื่อที่จะทราบสูตรปุ๋ยที่เหมาะสมต่อความต้องการของพืช เช่น การใส่ปุ๋ยกุหลาบในระยะออกดอก ควรให้ปุ๋ยทางดินสูตร 15-30-15 หรือ 5-10-5 ใส่รอบโคนต้นห่าง 10-15 เซนติเมตร หรือให้ปุ๋ยเม็ดควบคุมการปลดปล่อย สูตร 14-13-13 เพียง 3 เดือน/ครั้ง จะช่วยให้ต้นกุหลาบเจริญเติบโตดี แข็งแรง ทนทานต่อโรค และมีดอกที่สวยงามตามพันธุ์ เป็นต้น การเลือกใช้ปุ๋ยเคมีที่มีสัดส่วนของธาตุที่เหมาะสม จะเป็นการช่วยปรับระดับความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารพืช และเพื่อเกิดประสิทธิภาพในการใช้ปุ๋ย
การใช้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม
เพื่อที่จะได้รับผลผลิตสูง โดยที่ไม่มีตกค้างหรือมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช และจะต้องคุ้มต่อการลงทุนในการใช้ปุ๋ยนั้น ทั้งนี้จะต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น สภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินหรือปริมาณธาตุอาหารในดิน ชนิดหรือพันธุ์พืช วิธีการจัดการในระบบการปลูก สภาพภูมิอากาศ เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น การให้ปุ๋ยเม็ดควบคุมการปลดปล่อย สูตร 14-13-13 กับไม้ดอกไม้ประดับแต่ละชนิด ควรให้ในปริมาณที่แตกต่างกัน อาทิ กุหลาบและมอนสเตอราที่ปลูกในกระถางขนาด 5 นิ้ว ให้ปุ๋ยอัตรา 5 กรัม หรือ 1 ช้อนชาต่อกระถาง แคคตัสให้ปุ๋ยอัตรา 1-2 กรัมต่อกระถาง หรือกล้วยไม้ ให้ปุ๋ยอัตรา 3-5 กรัมต่อต้น เป็นต้น
Tips
นอกจากนี้ ยังสามารถให้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ได้ ซึ่งจะส่งเสริมการใช้ประโยชน์ธาตุอาหารพืชมากขึ้น เนื่องจากอินทรียวัตถุมีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน เช่น มีผลทำให้ดินมีโครงสร้างที่ดี มีความร่วนซุย ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และอินทรียวัตถุมีความสามารถในการดูดซับไอออนบวกจากปุ๋ย จึงมีผลทำให้ความเป็นประโยชน์ของปุ๋ยมีมากขึ้น และทำให้พืชตอบสนองต่อปุ๋ยเคมี
การใช้ปุ๋ยในระยะเวลาที่เหมาะสม
ความต้องการธาตุอาหารของพืชจะแตกต่างกันในแต่ละช่วงระยะเวลาเจริญเติบโต โดยทั่วไปพืชจะมีระยะการเจริญเติบโตอยู่ 3 ระยะ คือ ระยะแรกของการเจริญเติบโต ระยะที่พืชเจริญเติบโตทางลำต้น และระยะออกดอกติดผล ผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดอกไม้ประดับส่วนใหญ่นิยมให้ปุ๋ยเคมีชนิดเม็ดละลายช้าหรือควบคุมการปลดปล่อย เพราะใช้งานง่ายและสะดวก ให้ปุ๋ยเพียง 3 เดือนต่อครั้ง ก็เพียงพอต่อความต้องการของพืชแล้ว
ตำแหน่งในการใส่ปุ๋ยที่พืชนำธาตุอาหารพืชไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจากปุ๋ยเคมีที่ใส่ลงไปในดินจะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี เพื่อละลายและปลดปล่อยธาตุอาหารพืชออกมาในรูปต่าง ๆ และมีการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารจากปุ๋ยเคมีในดินแตกต่างกัน ปุ๋ยเคมีจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อพืชสามารถนำธาตุอาหารไปใช้ได้ ดังนั้นควรพิจารณาตำแหน่งการใส่ปุ๋ยด้วย
สำหรับปุ๋ยเคมีควบคุมการปลดปล่อย ผู้ปลูกสามารถใส่ชิดโคนและรากพืชได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้รากพืชเสียหาย เนื่องจากเม็ดปุ๋ยเคลือบด้วย Polyolefin ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาสู่พืชได้อย่างคงที่สม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิ ลดการสูญเสียของปุ๋ย ทำให้การปลดปล่อยของปุ๋ยต่อเนื่อง พืชจึงได้รับธาตุอาหารที่เหมาะสม ส่งเสริมให้พืชเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง
กล่าวโดยสรุป ปุ๋ยจึงเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญสำหรับไม้ดอกไม้ประดับ การปลูกไม้เหล่านี้ให้มีการเจริญเติบโต และออกดอกมีสีสันสวยงามได้ตลอดปี นอกจากจะขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอาการในแต่ละฤดูกาลแล้ว ยังขึ้นอยู่กับปริมาณธาตุอาหารในดินด้วย จึงควรมีการใส่ปุ๋ยตามระยะการเจริญเติบโต โดยอาจแบ่งใส่เป็นปุ๋ยทางดินในรูปของปุ๋ยเม็ดหรือละลายน้ำรดร่วมกันก็ได้ ซึ่งการให้ปุ๋ยเคมีแก่พืชที่ได้ผลดีที่สุดก็คือ ต้องเลือกสูตรปุ๋ยที่ตรงกับความต้องการของพืชในขณะนั้น โดยให้ในปริมาณ และตำแหน่งที่เหมาะสม