เมื่อเด็กเติบโตมาจนถึงช่วงอายุหนึ่ง พ่อแม่ก็ควรให้เด็กๆ มีห้องหับเป็นของตัวเอง เพื่อสอนให้เด็กๆ ได้รู้จักดูแลตัวเองในเรื่องต่างๆ รวมถึงสอนให้รู้จักจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่ ห้องนอนเด็กแม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ก็มีการใช้งานที่ไม่ต่างจากผู้ใหญ่ เรามาดูรายละเอียดของพื้นที่ต่างๆ กัน
1. พื้นที่นอน ในกรณีที่เด็กยังเล็กอยู่ เราอาจวางเตียงชิดมุมผนังด้านใดด้านหนึ่ง ถ้าใช้เตียงแบบสองชั้นควรมีแผงกั้นเพื่อป้องกันเด็กดิ้นตกลงมา เมื่อเด็กเริ่มโตขึ้นค่อยจัดวางเตียงไว้กลางห้อง ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ควรเป็นแบบที่ลบมุมแล้ว หรือใช้ที่ครอบมุม ก็จะช่วยลดการบาดเจ็บในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
2. พื้นที่เก็บของ ควรมีชั้นวางหรือกล่องเก็บของต่างๆ เพื่อทำให้ห้องดูเรียบร้อย ทั้งยังสอนเรื่องการจัดระเบียบไปด้วย โดยทำป้ายหรือสติ๊กเกอร์รูปสิ่งของที่จัดเก็บไว้บนกล่อง หากชั้นวางเป็นแบบโปร่งก็อาจทำม่านบัง หากมีพื้นที่จำกัด อาจทำเป็นตู้เก็บเสื้อผ้าที่สามารถเก็บของเล่นไปด้วยก็ได้
3. พื้นที่เล่น นอกจากการวิ่งเล่นกลางแจ้งแล้ว เด็กๆ ก็มักมีกิจกรรมสนุกสนานอื่นๆ มากมาย การจัดพื้นที่ว่างประมาณหนึ่งในสี่ของห้อง เพื่อให้เด็กๆ ได้ต่อเลโก้ อ่านการ์ตูน ฟังเพลง ฯลฯ ได้ อาจเตรียมเบาะแบบพับเก็บไว้ใต้เตียงให้นำมารองนั่งหรือนอนเอกเขนกได้
4. พื้นที่ทำการบ้าน ใช้โต๊ะเขียนหนังสือแบบทั่วไป โต๊ะแบบล้อเลื่อนหรือโต๊ะแบบพับเก็บได้ เพื่อประหยัดพื้นที่ อาจเพิ่มชั้นวางหนังสือเล่มโปรดหรือตำราเรียน แต่ไม่ควรมีมาก เพราะฝุ่นจากกระดาษอาจก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ควรมีกล่องเก็บเครื่องเขียนหรือมีลิ้นชักเก็บของมีค่า เช่น ไดอะรี่ หรือของรักของหวงอื่นๆ เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ข้อมูลจาก คู่มือการจัดและตกแต่ง Family home การออกแบบเพื่อคนทุกวัยในบ้าน โดยสำนักพิมพ์บ้านและสวน