หลายครั้งที่การ ทำเกษตร แล้วอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนที่คิดไว้เสมอไป เช่นเดียวกันกับ คุณเอฟ – กมลพงษ์ ชื่นเจริญ อดีตวิศวกรในเมืองกรุงฯ ที่ใช้ระยะเวลาใน 4 ปีแรกอย่างยากลำบาก สู่เจ้าของ สวนพอใจ หลังสวน – Suan Porjai Langsuan จ.ชุมพร ที่ปลูกพืชหลากหลายทั้ง ทุเรียน เมล่อน แตงโมไร้เมล็ด ข้าวโพดญี่ปุ่น และพืชอื่นๆ ที่น่าสนใจ
จุดเปลี่ยนสู่อาชีพ ทำเกษตร จากวิศวกรที่มีหน้าที่การงานมั่นคง คือความสุขค่อยๆ ลดลง เวลาหมดไปกับการทำงานและการเดินทาง เมื่อเริ่มวางแผนอยากมีลูก ก็ไม่อยากให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แออัด อยากให้ลูกเติบโตในที่กว้างมีสนามหญ้าให้วิ่งเล่น เลยมองว่าบ้านที่ อ.หลังสวน จ. ชุมพร น่าจะเหมาะสมกว่า จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเป็นสวนเกษตรผสมผสาน แต่กว่าจะมาปลูกพืชที่น่าสนใจอย่าง แตงโมไร้เมล็ด ข้าวโพดญี่ปุ่น และเมล่อน ได้นั้น ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลานและมีหัวใจสำคัญในการเลือกที่พืชปลูกไว้ด้วย
คุณเอฟเล่าว่า “เราสนใจอยาก ทำเกษตร ซึ่งที่ผ่านมาก็เรียนรู้จากสื่อต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ดูแล้วมีความเป็นไปได้ ประกอบกับที่บ้านมีที่ดินทำ สวนปาล์ม สวนยางอยู่แล้ว แต่ไม่อยากรบกวนที่บ้าน เลยคิดว่าจะทำเกษตรแนวไหนดี พอได้ศึกษาและเข้าอบรมโดยจะเน้นไปที่เกษตรอินทรีย์ ปลูกทุกอย่างที่กิน กินทุกอย่างที่ปลูก พึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด เหลือจากกินก็แจกจ่าย เหลือจากแจกก็ขาย”
แต่พอหลังจากที่คุณเอฟลงมือทำจริงๆ พบว่า อาชีพเกษตรกรมันไม่ได้ง่าย และมีปัญหาอีกหลายอย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งเราจะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของคุณเอฟ สู่จุดที่ทำให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
การทำเกษตรในช่วงปีที่ 1-4 ช่วงล้มลุกคลุกคลานของเกษตรกรมือใหม่
หลังจากที่ตั้งใจจะมาเป็นเกษตรกรที่บ้านเกิดแล้ว คุณเอฟก็ขอที่ดินพ่อ 3 ไร่ เพื่อกลับมาทำเกษตรในช่วงวันหยุด เริ่มปลูกพืชผสมผสาน ปลูกไม้ยืนต้น และตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านไป ก็รู้สึกชอบทำเกษตรมากกว่าเป็นวิศวกร เลยตัดสินใจลาออกมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว
ช่วงแรกมีเงินเก็บ มีเวลา ก็เริ่มปลูกพืชที่เขาว่ารายได้ดี แต่เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว พืชผักที่ปลูกเอาไว้อย่างละนิดอย่างละหน่อย กลับขายไม่ได้ เนื่องจากเก็บไว้กินเองก็แทบจะหมดแล้ว ไม่พอโรคแมลงเข้าทำลาย น้ำหมักชีวภาพที่ใช้เริ่มควบคุมไม่ได้
ทำให้คุณเอฟเรียนรู้ว่า เรากินทุกอย่างที่ปลูกได้ แต่ไม่จำเป็นต้องปลูกทุกอย่างที่กิน การปลูกพืชจำนวนน้อยจะขายได้ยาก แต่ถ้าปลูกมากขายได้ง่ายกว่า พืชผักที่ปลูกน้อยแม่ค้าไม่มารับซื้อ โอกาสต่อรองราคาน้อย และผู้บริโภคส่วนใหญ่มักเลือกซื้อของที่มีคุณภาพ หากควบคุมโรคและแมลงที่เข้ามาทำลายพืชผักไม่ได้ ผลผลิตเราก็จะเสียหายขายไม่ได้
บทเรียนที่ได้จากปีแรกนำมาปรับใช้ในปีที่ 2 ขอที่ดินพ่อเพิ่มอีก 10 ไร่ จากสวนยางพารามาปลูกทุเรียน เพราะคิดว่า 4-5 ปีก็ได้เก็บผล นำเงินเก็บที่ได้จากทำงานมาลงทุนขุดสระ วางระบบน้ำ และปลูกพืชระยะสั้นเพิ่ม แต่ก็ยังเจอปัญหาแบบเดิมๆ ความคิดที่จะกลับไปทำงานแบบเดิมลอยเข้ามาในหัวอยู่ทุกวัน
สุดท้ายก็ตัดสินใจสู้ต่อด้วยเหตุผลหลักเลย คือ ความรักในอาชีพนี้ ทุกครั้งที่ได้ลงมือทำมันมีความสุขมากกว่าอาชีพเดิม และยังเชื่อว่าถ้าทำจนมันสำเร็จเราจะมีความสุขได้ พยายามนึกภาพวันที่ทำสำเร็จไว้เป็นแรงผลักดัน บวกกับแรงสนับสนุนจากครอบครัวและภรรยาที่เป็นกำลังใจในการทำต่อ
จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่ 4 เริ่มหาความรู้เพิ่ม เปลี่ยนความคิดและหาความรู้ทางวิชาการมากขึ้น จนได้มีโอกาสไปอบรม ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ภาควิชาไม้ผลเขตร้อน เลือกอบรมพืชที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียน ฝรั่ง มะละกอ และได้รู้จักพืชที่มีมูลค่าอย่างสยามรูบี้ควีนหรือราชินีทับทิมสยาม ข้าวโพดหวานสีแดงทานดิบได้ แตงโมไร้เมล็ด และได้เริ่มสั่งเมล็ดมาลองปลูก
ตอนนั้นจึงตัดสินใจไถแปลงสับปะรดออก เพื่อลองปลูกข้าวโพดกับแตงโม ซึ่งเป็นพืชอายุสั้นใช้เวลา 2 เดือน ก็เก็บผลผลิตได้ จึงลองขายผ่านออนไลน์ในเพจ สวนพอใจ หลังสวน – Suan Porjai Langsuan เพจที่สร้างขึ้นตอนที่กลับมาทำเกษตร ปรากฏว่าผลตอบรับดี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตั้งราคาขายเองได้และได้กำไรจากการขายผลผลิตครั้งแรก
คุณเอฟบอกกับเราว่า “ข้าวโพดทุกต้นเราจะต้องนำเกสรเพศผู้ที่อยู่บริเวณช่อดอกนำมาผสมกับไหมของข้าวโพด หากมีไหมเส้นใดเส้นหนึ่งไม่ได้รับการผสมจะทำให้เมล็ดหายไป ก็จะทำให้ข้าวโพดฝักนั้นมีเมล็ดไม่เต็มฝัก ไม่ได้คุณภาพที่ดีนั่นเอง”
พอเริ่มมาถูกทางจึงไถสัปปะรดทิ้งหมดเลย ปลูกข้าวโพดเพิ่ม สั่งเมล็ดนำเข้าเมล็ดข้าวโพดญี่ปุ่นเพียวไวท์จากต่างประเทศมาปลูก ปรากฏว่า ผลตอบรับดีกว่าข้าวโพดราชินีทับทิมสยาม จึงหันมาปลูกข้าวโพดญี่ปุ่นแทน แตงโมก็ยังปลูกควบคู่กันไป จากนั้นก็สร้างโรงเรือนเพื่อปลูกเมล่อน 1 โรง เพราะ ลูกชายชอบกิน พอปลูกแล้วก็ขายดี จึงต่อยอดมาถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันตอนนี้มีโรงเรือนมากถึง 12 โรง
ผลไม้ที่เป็นพระรองของสวน แต่สร้างรายได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี อย่าง แตงโมไร้เมล็ดพืชธรรมดาแต่พิเศษตรงที่ไม่ได้ทีขายตามท้องตลาดทั่วไป เมล่อนพืชที่มีมูลค่า มีราคาต่อหน่วยสูง เมื่อใกล้ระยะการเก็บเกี่ยว คุณเอฟจะเปิดให้ลูกค้าที่สนใจได้สั่งจองผลผลิตทางเพจเฟซบุ๊ก
ทำไมต้องปลูก แตงโมไร้เมล็ด ข้าวโพดญี่ปุ่น และเมล่อน?
คุณเอฟแนะนำให้เลือกปลูกพืชที่หลากหลาย เน้นกระจายความเสี่ยง เพื่อให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเลือกพืชที่มีมูลค่า คือ มีราคาต่อหน่วยสูง อย่างทุเรียน เมล่อน และให้ปลูกพืชธรรมดาแต่พิเศษ อย่างเช่น ข้าวโพด แทนที่จะปลูกข้าวโพดหวานสีเหลืองเหมือนที่มีขายตามท้องตลาด ก็ปลูกให้แตกต่างเป็นข้าวโพดหวานญี่ปุ่นสีขาว แตงโมไร้เมล็ด ฝรั่งหงเปาสือ มะละกอเรดเลดี้ที่ เป็นพืชธรรมดาที่คนทั่วไปรู้จัก แต่พิเศษตรงที่หาซื้อทั่วไปไม่ได้
ทำอย่างไรให้ผลผลิตให้ได้คุณภาพ
คุณเอฟเล่าว่า ที่ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ใหม่ทุกรอบ เพราะว่ามันจะส่งผลไปยังคุณภาพของผลผลิต สวนพอใจมีกระบวนการผลิตพืชผักและผลไม้ให้ได้คุณภาพ โดยยึดหลักสมการ ผลผลิตคุณภาพที่ได้ต้องมาจากสายพันธุ์ที่ดี การจัดการที่ดี และสิ่งแวดล้อมที่ดี
คุณเอฟให้ความสำคัญกับเมล็ดพันธุ์มาก จึงเลือกที่จะซื้อใหม่อยู่ตลอด เราสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์มาปลูกต่อได้ แต่พันธุ์นั้นอาจจะเกิดการกลายพันธุ์ ผลผลิตที่ได้มีลักษณะไม่เหมือนกัน ถ้าเมล็ดพันธุ์ไม่ดี ต่อให้การจัดการดูแลดีและสิ่งแวดล้อมดีแค่ไหน ผลผลิตที่ได้ก็จะไม่เหมือนกัน
การจัดการที่ดีก็เริ่มตั้งแต่มีความเข้าใจในพืชชนิดนั้นๆ ว่าต้องเตรียมดินยังไง ปลูกแบบไหน การดูแลยังไงไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและระยะการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสมก็มีผลต่อรสชาติของผลผลิต รวมถึงการปลูกพืชในโรงเรือนเช่นกัน เนื่องจากโรงเรือนจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัจจัยที่จะทำให้ผลผลิตเสียหายได้อย่างดี นอกจากนี้ศึกษาและเรียนรู้จากผู้ที่เคยปลูกสำเร็จมาก่อน ด้วยหลักการนี้ ปัจจุบันผลผลิตของสวนพอใจ ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรปลอดภัยหรือ GAP (Good Agricultural Practice) อีกด้วย
วางแผนผลผลิตให้เก็บเกี่ยวได้ตลอดทั้งปี
ไม้ผลที่คุณเอฟวางแผนให้ได้เก็บผลตลอดทั้งปีจะเป็นเมล่อน และแตงโมไร้เมล็ดที่ปลูกภายในโรงเรือน ซึ่งมีทั้งหมด 12 โรงเรือน โดยเมล่อนมีอายุการเก็บเกี่ยว 75 วัน แตงโมไร้เมล็ดประมาณ 60 วัน ภายใน 1 โรงเรือนจะปลูกได้ประมาณ 4 รอบต่อปี ทำให้คุณเอฟมีผลผลิตขายทุกสัปดาห์
เทคนิค การปลูกพืชในโรงเรือน
การปลูกพืชในโรงเรือนมีหลายระบบ เช่น การปลูกแบบใช้น้ำ (Hydroponic System) ปลูกในวัสดุปลูก (Substrate Culture) แต่ที่สวนพอใจปลูกแบบลงดินโดยตรง ซึ่งก็มีทั้งข้อดีและข้อด้อย ข้อดีคือสามารถควบคุมรสชาติของผลผลิตได้ การงดน้ำก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 7 วัน จะช่วยให้รสชาติของผลผลิตหวานอร่อย ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งที่ทำให้ผลผลิตรสชาติดี ต่างจากการปลูกแบบอื่นๆ ที่รสชาติของผลผลิตจะมาจากปุ๋ยที่ใส่ ส่วนข้อเสีย คือ เสี่ยงต่อโรคที่มีอยู่ในดิน
การเตรียมดินดีเป็นปัจจัยแรกที่จะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพ คุณเอฟจัดการดินก่อนปลูกโดยจะเน้นไปที่ค่าความเป็นกรด-ด่างของดิน 5.5 – 6.5 ปรับสภาพดินโดยใช้ปูนขาวโรยทั่วแปลงแล้วไถกลบ จากนั้นโรยปุ๋ยมูลวัวอีกรอบ พืชที่ปลูกในโรงเรือนจะเลือกพืชที่มีมูลค่าต่อหน่วยสูง และมองว่าตลาดของเมล่อนยังเติบโตได้อีก
ส่วนแตงโมก็เลือกพันธุ์ที่ต่างจากตลาดทั่วไป คุณเอฟจะเน้นคุณภาพของผลผลิตเป็นเรื่องที่สำคัญ 1 ต้น จะไว้ผลแค่ 1 ลูก หากไว้มากกว่านี้ ผลต่อไปจะมีคุณภาพไม่เท่ากับผลแรก เมื่อผลผลิตมีคุณภาพเจ้าของสวนก็สามารถตั้งราคาขายเองได้
การเก็บเกี่ยวและการตลาด สำหรับ ทำเกษตร
เริ่มจากผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐาน และมีความปลอดภัย จะทำให้การตลาดเราง่าย พืชที่คุณเอฟปลูกมีทั้งพืชอายุสั้นและไม้ผลยืนต้น การเก็บเกี่ยวผลผลิตก็ย่อมแตกต่างกัน โดยทุเรียนพระเอกของสวนจะให้ผลผลิตปีละครั้ง รองลงมาคือเมล่อน แตงโมไร้เมล็ด ที่จะเก็บผลผลิตได้ทุก 3 เดือน
ก่อนจะถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยว การตลาดของสวนพอใจจะเป็นตลาดออนไลน์ ทำให้เราสามารถเปิด Pre-Order ได้และรู้ล่วงหน้าว่ามียอดสั่งซื้อเท่าไหร่ ทำให้ที่สวนสามารถเก็บเกี่ยวในระยะที่แก่จัด 90% ได้ และเป็นช่วงที่ผลผลิตอยู่ในระยะที่รสชาติดีที่สุด
ปัจจุบันเข้าปีที่ 7 พื้นที่สวนพอใจ มีทั้งหมด 47 ไร่ แบ่งออกเป็น 7 โซน มีโซนที่พักอาศัยและสนามหญ้าประมาณ 1 ไร่ โซนสระน้ำใช้ในการเกษตร 3 สระ พื้นที่รวมประมาณ 4 ไร่ แล้วก็พืชไร่แปลงเปิด ปลูกข้าวโพดญี่ปุ่นประมาณ 1 ไร่ แบ่งเป็นแปลงย่อย 3 แปลง ไว้ปลูกสลับกันหมุนเวียนได้ทุกเดือน ทำให้สามารถเก็บผลผลิตได้ทุกเดือน
มะเขือเทศทานสด “Kingfisher” เมล็ดนำเข้าจากยุโรป คุณเอฟใช้เทคนิคการเสียบยอดบนต้นตอมะเขือยาว เพื่อใช้ระบบรากของมะเขือยาวในการหาอาหาร ข้อดีของวิธีนี้คือ รากของมะเขือยาวมีความแข็งแรง และทนทานต่อสภาพแวดล้อมในประเทศไทยได้มากกว่ารากของมะเขือเทศพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ
ส่วนโรงเรือนมีทั้งหมด 12 โรง ปลูกเป็นแตงโมไร้เมล็ดและเมล่อนหลากหลายสายพันธุ์ มีการแบ่งโซนปลูกเพื่อให้มีผลผลิตออกทั้งปีเช่นกัน นอกจากนี้มีปาล์มน้ำมัน 18 ไร่ และทุเรียน 20 ไร่ ซึ่งทุเรียนผลไม้หลักที่เป็นพระเอกของสวน มีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 20 ไร่ และแบ่งไว้ปลูกนอกฤดู 2 ไร่
ส่วนผลผลิตที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ สวนพอใจ มี 8 ชนิด ทุเรียนเป็นพระเอกของสวน รองมาคือเมล่อน แตงโมไร้เมล็ด ข้าวโพดญี่ปุ่น มะเขือเทศทานสด ฝรั่งหงเปาสือ มะละกอเรดเลดี้ ทุเรียนกวน และทุเรียนทอด
ทิ้งท้ายสำหรับคนที่อยาก ทำเกษตร
คุณเอฟฝากทิ้งท้ายสำหรับคนที่คิดอยากทำอาชีพเกษตรไว้ว่า “ต้องถามและตอบตัวเองให้ได้ว่าเราอยากทำเกษตรเพราะอะไร ถ้าทำเพื่อความสุขเป็นงานอดิเรกแต่เรามีอาชีพหลัก เราสามารถทำได้ตามความพอใจของเรา แต่ถ้าทำเกษตรเพื่อเลี้ยงชีพ ทำเป็นอาชีพหลักเราต้องศึกษาให้ดี ศึกษาจากคนที่ทำสำเร็จ และศึกษาจากคนที่เขาล้มเหลว เข้าหาวิชาการให้มากๆ เราก็จะได้ไม่เดินซ้ำรอยใคร แล้วค่อยดูว่าเราทำได้หรือไม่”
สำหรับเรา “สวนพอใจ” คือพอใจที่จะปลูก พอใจที่จะขาย “อะไรที่เราพอใจที่จะทำ มันมักจะออกมาดีเสมอ เหมือนที่เราพอใจที่จะปลูกพืชผัก ผลผลิตที่ออกมามันก็ย่อมดี เมื่อส่งต่อให้ผู้บริโภคก็จะรู้สึกดีไปตามๆ กัน”
หากคนที่สนใจแนวทางการทำเกษตรแบบคุณเอฟ สามารถปรึกษาและสอบถามได้ในเพจ สวนพอใจ หลังสวน – Suan Porjai Langsuan
เรื่อง : สรวิศ บุญประสพ
ภาพ : สวนพอใจ / อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม