นอกจากพืชผักใบเขียวที่อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) อันมีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ผลไม้สีดำ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักปลูกที่อยากสร้างอาหารที่ปลอดภัยและมากประโยชน์ในพื้นที่สวน
ผลไม้สีดำ สีม่วง และสีน้ำเงิน จะมีสารสำคัญ คือ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นสารช่วยต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือดได้ ทั้งยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด จึงมักนิยมรับประทานเพื่อควบคุมน้ำหนัก ชะลอวัย เป็นที่ชื่นชอบของคุณผู้หญิงในทั่วไป
นอกจากผลไม้สีดำ ผักสีดำหรือสีม่วงก็มีประโยชน์ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ข้าวกล้องนิล ถั่วดำ งาดำ มะเขือม่วง กะหล่ำม่วง กะหล่ำปมม่วง เป็นต้น
มีผลไม้สีดำชนิดไหนที่ปลูกได้ในเมืองไทย ปลูกประดับสวนรอบบ้านได้บ้างนั้น ไปรู้จักกันเลย
ผลไม้สีดำ ฟิกส์ Figs
ไม้ผลกึ่งเขตร้อน ต้นสูง 6 เมตร หลังปลูกเพียง 4 เดือนจะเริ่มออกผล ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยการปักชำกิ่งแก่ หรือตอนกิ่ง เมื่อต้นขนาดใหญ่ควรโน้มกิ่งกับพื้นจะช่วยให้ติดผลได้ง่าย ชอบดินร่วนปนทราย แสงแดดตลอดวัน ปลูกได้ทั้งในกระถางและแปลงดิน สามารถปลูกเป็นไม้ประดับในสวนได้
มะเดื่อฝรั่ง หรือ ฟิกส์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง มะเดื่อฝรั่งที่นิยมปลูกในบ้านเราจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผลสีน้ำตาลแดง เช่น พันธุ์ญี่ปุ่น บราวน์เตอร์กี (Brown Turkey) แบล็กมิชชั่น (Black Mission) และกลุ่มผลสีเหลือง เช่น พันธุ์ดอฟีน (Dauphine) พันธุ์ออสเตรเลีย พันธุ์คอนาเดรีย (Conadria) เป็นต้น
ผลไม้สีดำ แบล็กเบอร์รี่ (Black Berry)
เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี อยู่ในตระกูล Rubas เช่นเดียวกับราสป์เบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่เป็นพืชที่มีลำต้นทอดเลื้อยตามพื้นดิน กิ่งก้านแตกเป็นพุ่ม สูงได้ถึง 2 เมตร ปลูกได้ทั้งลงดินและในกระถาง โดยเลือกใช้กระถางที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 15 นิ้วขึ้นไป
วัสดุปลูก ได้แก่ ดินร่วน 3 ส่วน ผสมกับกาบมะพร้าวสับละเอียด และขุยมะพร้าว อย่างละ 1 ส่วน หากไม่มีกาบมะพร้าวสับสามารถใช้ดินใบก้ามปูหรือแกลบดิบที่หมักแล้วทดแทนได้ วัสดุปลูกหรือดินปลูกต้องโปร่งร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี ไม่ขังแฉะ หากวัสดุปลูกไม่ดีจะทำให้รากฝอยเสียหาย เป็นสาเหตุให้เชื้อโรคเข้าโจมตีจนเกิดโรครากเน่าและต้นเหี่ยวตายได้ พันธุ์แบล็กเบอร์รี่ที่นิยมปลูกในไทยได้แก่ Black Gem, Prime 45
อาซาอิ (Acai)
เป็นพืชในวงศ์ Arecaceae หรือพืชตระกูลปาล์ม มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Euterpe oleracea Mart. เป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในป่าดิบชื้นของประเทศแถบอเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ผลของอาซาอิ มีลักษณะกลมคล้ายกับองุ่น แต่มีเนื้อน้อยกว่า ขนาดเล็กประมาณ 1.5-2.5 เซนติเมตร เมื่อผลเริ่มสุกเปลือกจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วงเข้มหรือสีเขียวม่วง ขึ้นอยู่กับชนิด
การปลูกอาซาอิต้องเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ชอบอากาศแบบร้อนชื้นและมีฝนตกชุก ที่อุณหภูมิตั้งแต่ 23-30 องศาเซลเซียส ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ต้องการแสงแดดบางส่วน อาซาอิเติบโตได้อย่ารวดเร็ว แต่ต้องใช้เวลาถึง 5 ปี ในการให้ผลผลิตครั้งแรก และสามารถให้ผลผลิตได้นานถึง 30 ปี
องุ่น (Grape)
องุ่น จัดเป็นไม้ผลเขตกึ่งร้อน ลำต้นของ พันธุ์องุ่น ทอดเลื้อย ชอบดินเหนียวปนดินร่วน แสงแดดตลอดวันหรือครึ่งวัน ไม่ทนน้ำท่วมขัง ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ ตอนกิ่ง ติดตา เสียบยอด และเสริมราก หากมีพื้นที่จำกัดควรเลือกปลูกพันธุ์ที่มีข้อสั้น สามารถปลูกได้ทั้งแบบลงดินหรือปลูกในกระถาง โดยเลือกกิ่งพันธุ์ที่ทนต่อสภาพอากาศร้อนและทนโรค องุ่นผลสีดำ ได้แก่ พันธุ์บิวตี้ซีดเลส (Beauty Seedless) ผลผลิตมีคุณภาพดี ผลทรงกลมรีสีดำ ขนาดกลาง ไม่มีเมล็ด เจริญเติบโตเร็ว ค่อนข้างแข็งแรง ให้ผลผลิตสูงทุกฤดูที่ตัดแต่งกิ่ง ปลูกได้ดีในทุกระดับความสูงของพื้นที่ในประเทศไทย
มะเขือเทศแบล็กเชอร์รี่ (Black cherry tomato)
มะเขือเทศแบล็กเชอร์รี่ อยู่ในกลุ่มมะเขือเทศเชอร์รี่หรือมะเขือเทศราชินี (Cherry Tomato) แต่มีผิวสีม่วงเข้ม ผลสุกเป็นสีดำแต่เนื้อเป็นสีแดง
มะเขือเทศถือเป็นผลไม้หรือผักกินผลที่ได้รับความนิยมบริโภคกันทั่วไป มีหลายพันธุ์ที่นิยมปลูก ทั้งมะเขือเทศสีดา มะเขือเทศผลใหญ่ มะเขือเทศเชอร์รี่ และมะเขือเทศราชินี รวมทั้งมะเขือเทศพันธุ์พื้นบ้านของไทย ซึ่งทุกพันธุ์ต่างมีสารไลโคปีน (Lycopene) ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง
การปลูกมะเขือเทศ มะเขือเทศเป็นไม้เลื้อยอายุสั้น ต้องการแสงในการเจริญเติบโตค่อนข้างมาก ถ้าให้ดีพื้นที่ปลูกควรได้รับแสงตลอดวันหรืออย่างน้อยวันละ 4 ชั่วโมง ชอบดินร่วนระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ตั้งแต่เพาะเมล็ดจนเก็บเกี่ยวใช้เวลาประมาณ 75-90 วัน ปลูกได้ทั้งในแปลงดินและในกระถาง โดยใช้กระถางปลูกขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 12 นิ้วขึ้นไป