วิธีปลูกมะเขือม่วง ตราศรแดง มะเขือม่วงพันธุ์หยาดม่วง หรือเรียกว่า มะเขือลูกลิง ผลจะมีสีม่วง ทรงผลสวย ขนาดผลยาว 10-12 ซม. นิยมทานสดหรือเป็นผักเคียงทานคู่กับน้ำพริกและอาหารต่างๆ ผลผลิตดี ปลูกง่าย ปลูกได้ตลอดทั้งปี
ชื่อสามัญ: มะเขือม่วงหยาดม่วง
ชื่อท้องถิ่น: –

วิธีปลูกมะเขือม่วง ตราศรแดง
- การเตรียมเมล็ด ใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพจากศรแดงหรือแหล่งที่เชื่อถือได้ การปลูกมะเขือม่วงจะใช้เมล็ดพันธุ์ 3-5 กรัม ต่อพื้นที่ 1 ไร่ และเมล็ดพันธุ์ 1 กรัม มีประมาณ 200–250 เมล็ด โดยนำเมล็ดพันธุ์ไปทดสอบความงอก คัดเมล็ดที่มีตำหนิออก เพื่อความงอกที่สม่ำเสมอ

- การเพาะกล้า มะเขือม่วงนิยมเพาะกล้าก่อน แล้วจึงย้ายปลูก โดยเลือกใช้พีทมอสเป็นวัสดุเพาะหรือใช้ดินร่วนผสมขุยมะพร้าวหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อย แล้วหยอดเมล็ดลงในหลุมลึกประมาณ 2 เท่าของขนาดเมล็ด หยอด 1–2 เมล็ดต่อหลุม หากเพาะในแปลงปลูกใช้วิธีการหว่านหรือการโรยเมล็ดให้กระจายทั่วแปลง ใช้ฟางคลุมแปลงเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันเมล็ดกระเด็นออกนอกแปลงเวลารดน้ำ หลังจากนั้นต้นกล้าจะงอกภายใน 5–7 วัน เมื่ออายุ 25–28 วัน หรือมีใบจริง 3–4 ใบ ให้แยกให้เหลือต้นเดียวและเตรียมย้ายปลูกลงแปลง
- การเตรียมแปลง เริ่มจากการเตรียมดิน ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20–30 เซนติเมตร ปรับปรุงดินด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 1,000–1,500 กก./ไร่ คลุกเคล้าให้ทั่วก่อนยกร่องหรือแบ่งแปลง จากนั้นปรับระดับหน้าดินให้สม่ำเสมอป้องกันน้ำท่วมขัง ระยะปลูกประมาณ 50×100 เซนติเมตร เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 3-4 ใบ หรือมีอายุประมาณ 25-30 วัน ก็สามารถย้ายลงปลูกในกระถางหรือแปลงปลูกได้ ควรย้ายปลูกในช่วงที่แสงแดดไม่จัด เพื่อป้องกันการเหี่ยวเฉาของต้นกล้า หลังจากปลูกรดน้ำให้ชุ่ม เมื่อต้นมะเขือสูงประมาณ 40-50 เซนติเมตร ควรทำค้างหรือนำไม้มาทำหลักเพื่อพยุงตำล้น เนื่องจากมะเขือเป็นพืชที่มีผลหนัก เพื่อป้องกันการล้มและช่วยให้เก็บเกี่ยวสะดวก

การดูแลมะเขือม่วง
- การให้น้ำ – ให้น้ำวันเว้นวันในช่วงแรก หลังจากนั้นปรับตามความชื้นของดิน ระวังอย่าให้ดินแฉะเกินไป เพราะจะทำให้รากเน่า
- การใส่ปุ๋ย – ระยะ 10–15 วันหลังปลูก: ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 25 กก./ไร่ ระยะออกดอก: เปลี่ยนเป็นสูตร 13-13-21 หรือ 8-24-24 เพื่อเพิ่มคุณภาพผล ใส่ทุก 20–25 วัน โดยหว่านรอบโคนหรือฝังข้างหลุม หากต้องการผลยาว ตรง สีเข้ม ควรรักษาความชื้นและใส่ปุ๋ยโปแตสเซียมเพียงพอ

- การพรวนดินและกำจัดวัชพืช – พรวนดินรอบโคนทุก 2–3 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มอากาศในดินและลดวัชพืชคลุมโคนด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยน้ำและควบคุมวัชพืช
- การตัดแต่งกิ่ง – เมื่อต้นมะเขือสูงประมาณ 30 ซม. ให้ตัดยอดเพื่อกระตุ้นการแตกกิ่งข้าง ตัดแต่งกิ่งที่อยู่ชิดพื้นหรือใบแก่ทิ้ง เพื่อให้ลมผ่านและแสงเข้าถึงได้ดี ลดความชื้นสะสมการป้องกันโรคและแมลง – เฝ้าระวังโรคยอดเหี่ยว ใบจุด และรากเน่า ป้องกันด้วยการใช้สารชีวภาพ เช่น บาซิลลัส หรือไตรโคเดอร์มา ตรวจแปลงสม่ำเสมอ หากพบแมลง เช่น เพลี้ยไฟ หนอนเจาะผล ให้ใช้กับดักเหนียวหรือพ่นสมุนไพรธรรมชาติ
- สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นมะเขือหยาดม่วงประมาณ 25–35°C แสงแดดเต็มวัน 6–8 ชั่วโมงต่อวัน ดินร่วนหรือร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดีมีช่องว่างของอากาศภายในดินพอสมควร ความเป็นกรดด่างของดินประมาณ 6.0 – 6.8 และควรเวียนแปลงปลูกทุกปี เพื่อป้องกันโรคสะสมในดิน
- การเก็บเกี่ยว เมื่อผลโตเต็มที่ ผิวเรียบตึง เป็นมันเงา เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 50–60 วัน หลังย้ายกล้า เลือกเก็บผลมีขนาดยาวประมาณ 10–12 เซนติเมตร สีม่วงเข้ม ใช้กรรไกรตัดผลพร้อมขั้ว ระวังอย่าทำให้ต้นเสียหายและควรควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อรักษาคุณภาพของผลผลิต
