เมื่อคิดจะ เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ลองถามใจตัวเองก่อนว่าเลี้ยงเพื่อจุดประสงค์ใด เช่น เพื่อความสวยงาม เพาะพันธุ์ลูกกุ้ง หรือทำกุ้งเนื้อจำหน่ายเป็นรายได้เสริมหรือทำเป็นอาชีพ วันนี้บ้านและสวนมีหลักการดีๆเกี่ยวกับกุ้งก้ามแดง จากหนังสือ My Little Farm VOL.5 กุ้งก้ามแดงเพื่อให้คุณได้เตรียมพร้อมมาแนะนำกันครับ
เตรียมบ้านต้อนรับน้องกุ้ง
สามารถใช้ภาชนะ เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เลี้ยงและสภาพพื้นที่ ซึ่งแต่ละอย่างก็มีข้อดี – ข้อเสียต่างกัน ดังนี้
ตู้กระจกหรือกะละมัง
ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ ก่อนใช้ต้องล้างให้สะอาดทุกชิ้นเพื่อป้องกันสารเคมีที่อาจปนเปื้อนมา ลงแช่น้ำทิ้งไว้ 2 – 3 วัน ถ่ายน้ำใหม่แล้วปรับสภาพน้ำ โดยพักน้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 วันเป็นอย่างน้อย แล้วจึงนำกุ้งลงเลี้ยง
ข้อดี
- สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย บริหารจัดการได้ง่าย
- เหมาะเลี้ยงเพื่อความสวยงาม ทดลองเลี้ยงหรืออนุบาลลูกกุ้ง
- ง่ายต่อการสังเกตการเจริญเติบโตและพฤติกรรมของกุ้ง
ข้อเสีย
- ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อย ประมาณเดือนละ 1 ครั้งเป็นอย่างน้อย
- ต้องเพิ่มแร่ธาตุเสริมให้กุ้ง
- อัตราการเติบโตช้ากว่าการเลี้ยงในบ่อดิน
บ่อพลาสติก
เริ่มใช้กันในกลุ่มผู้เลี้ยงปลาดุกและเลี้ยงกบในพื้นที่และทนน้อย ไม่มีกำลังมากพอที่จะขุดบ่อดิน กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งจึงทดลองนำแผ่นพลาสติกกรุเป็นบ่อขนาดย่อมเยาเพื่อใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงบ้าง แต่ด้วยพฤติกรรมของกุ้งก้ามแดงที่ชอบกัดแทะ จึงไม่เหมาะทำเป็นบ่อสำหรับขยายพันธุ์ ผสมพันธุ์ หรือขุนกุ้งเนื้อ แต่เหมาะใช้เป็นบ่ออนุบาลลูกกุ้งตั้งแต่ระยะลงเดินจนถึงระยะขนาด 2 นิ้วเท่านั้น โดยแผ่นพลาสติกที่จำหน่ายในท้องตลาดมีให้เลือกหลายขนาด
เมื่อติดตั้งบ่อพลาสติกเสร็จแล้วต้องล้างบ่อหรือแช่น้ำทิ้งไว้ 1 – 2 วัน จากนั้นถ่ายน้ำออกแล้วเติมน้ำพักทิ้งไว้ประมาณ 1 วัน จึงค่อยนำกุ้งลงเลี้ยง
ข้อดี
- ลงทุนน้อย
- น้ำหนักเบา สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย ติดตั้งง่าย
- เหมาะสำหรับอนุบาลลูกกุ้งขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว
- จัดการบ่อได้ง่าย
ข้อเสีย
- พลาสติกฉีกขาดง่าย
- กุ้งที่มีขนาดใหญ่กว่า 2 นิ้ว จะเริ่มกัดแทะพื้นบ่อบริเวณที่เป็นรอยย่น ทำให้บ่อรั่วซึม
บ่อปูนหรือบ่อซีเมนต์
บ่อปูนเก่าหรือบ่อซีเมนต์ที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่มีปัญหา สามารถใช้งานได้เลย แต่หากเป็นบ่อปูนที่สร้างขึ้นใหม่ควรแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 7 วัน โดยนำต้นกล้วยมาสับแล้วแช่น้ำในบ่อปูนนั้นเพื่อช่วยลดความเค็มของปูนซึ่งเป็นอันตรายต่อกุ้งได้ หลังจากแช่บ่อทิ้งไว้แล้วควรล้างทำความสะอาดอีกรอบ และพักน้ำทิ้งไว้อีกครั้งก่อนนำกุ้งลงเลี้ยง
ข้อดี
- จัดการบ่อได้ง่าย
- เหมาะสำหรับใช้เป็นบ่ออนุบาล ผสมพันธุ์ หรือเป็นห้องคลอด
- กุ้งที่เลี้ยงในบ่อลักษณะนี้มักสะอาดและมีสีสวย
ข้อเสีย
- ลงทุนสูง
- ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกเดือน
- ควรติดตั้งปั๊มออกซิเจน
- ควรเสริมธาตุอาหาร
บ่อดิน
สำหรับมือใหม่ใจถึง แนะนำให้เริ่มทำจากขนาดเล็กก่อน เริ่มต้นที่พื้นที่ประมาณ 1 ตารางเมตร ขุดดินลึก 30 ถึง 50 เซนติเมตร ถ้า 2-3 เดือนเห็นว่าได้ผลดีจึงเริ่มขยายทำที่ขนาด 10 ตารางเมตร เพื่อทดลองเลี้ยงในพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้น เมื่อมั่นใจในฝีมือแล้วจึงทดลองทำในพื้นที่ 1 ไร่ได้เลย ดอยบ่อเลี้ยงควรมีความลึกประมาณ 1 ถึง 1.50 เมตร เพื่อให้อุณหภูมิในน้ำช่วงกลางวันไม่ร้อนเกินไป และสามารถจัดการน้ำที่ใช้เลี้ยงได้ง่ายขึ้น
ก่อนปล่อยกุ้งลงบ่อดินควรตากบ่อทิ้งไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงนำปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์มาใส่ในบ่อปริมาณ 300 ถึง 500 กิโลกรัมต่อไร่ หรือประมาณครึ่งกิโลกรัมต่อ 1 ตารางเมตร แล้วเติมน้ำจนถึงระดับเลี้ยงปกติ ทิ้งไว้อย่างน้อย 7 วันจึงนำกุ้งลงเลี้ยง
ปุ๋ยคอกที่ใส่ในบ่อเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติให้กุ้งและควรเติมจุลินทรีย์เพื่อลดก๊าซที่เกิดขึ้นในบ่อ หาบ่อดินที่เตรียมไว้ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ แนะนำให้รองพื้นบ่อด้วยพลาสติกที่ใช้เลี้ยงกุ้งทั่วไป เพื่อลดต้นทุนจากการสูบน้ำเติมลงบ่อบ่อยๆครับ
บ่อดินที่เป็นนาข้าว
การทำบ่อดินที่เป็นนาข้าวต้องปรับพื้นที่นาก่อนครับ เพื่อตอบโจทย์ทั้งการทำงานและการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง จากประสบการณ์ของผมควรเตรียมความพร้อมดังนี้
- แบ่งพื้นที่ 30 เปอร์เซ็นต์ในแปลงนาสำหรับขุดดินให้ลึกกว่าพื้นหน้าอย่างน้อย 0.50 ถึง 1 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการจับกุ้ง เป็นหลุมหลบภัยให้กุ้งขนาดยังเล็ก และยังช่วยควบคุมอุณหภูมิน้ำไม่ให้ร้อนหรือเย็นเกินไป
- ทำคันนาให้มีความสูง 40 เซนติเมตรขึ้นไป
- สร้างที่กั้นรอบคันนาเพื่อป้องกันกุ้งก้ามแดงหลุดสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ โดยแนะนำให้ใช้ผ้ามุ้งเขียวหรือซาแรนพรางแสงก็ได้
- ตราบดินทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ และโรยปูนขาวเพื่อปรับสภาพดินและน้ำในบ่อ
- ขณะสูบน้ำเข้านาควรใช้ผ้ามุ้งเขียวกรองน้ำเพื่อป้องกันปลากินเนื้อหลุดเข้ามาในแปลงนา
เมื่อปรับสภาพพื้นที่เรียบร้อยแล้วจึงปล่อยกุ้งลงเลี้ยงรักษาระดับน้ำในแปลงนาให้อยู่ในช่วง 5 ถึง 15 เซนติเมตร ซึ่งเหมาะสมทั้งเลี้ยงกุ้งและทำนา โดยปล่อยกุ้งขนาด 1 นิ้วขึ้นไปลงเลี้ยงในอัตรา 4,000 ตัวต่อพื้นที่ 1 ไร่ เนื่องจากข้าวทั่วไปมีอายุตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 4 เดือน เมื่อปล่อยลูกกุ้งขนาด 1 นิ้วจะได้กุ้งขนาดประมาณ 4 นิ้วมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
ข้อดี
- กุ้งเจริญเติบโตได้ดีช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยง
- ไม่ต้องใช้ออกซิเจนช่วยในบ่อ
- เลี้ยงกุ้งได้ปริมาณมาก
ข้อเสีย
- กุ้งมาเป็นโรคสนิมและหางพอง
- ตัวกุ้งจะมีสีคล้ำ
- เสียงต่อศัตรูในธรรมชาติ เช่น ปลากินเนื้อ นกกระยาง
เตรียมน้ำที่ใช้เลี้ยง
น้ำที่เหมาะใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงควรมีอุณหภูมิ 20 ถึง 30 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่าง (pH) 7 – 8.5 มีค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำ (Dissolved Oxygen : DO) มากกว่า 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตร ค่าแอมโมเนียรวม (Total Ammonia : TAN) น้อยกว่า 0.5 มิลลิกรัมต่อลิตร และมีสภาพด่าง (Alkalinity) มากกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยควบคุมระดับความสูงของน้ำที่ใช้เลี้ยงในที่ร่ม 15 เซนติเมตรขึ้นไป ส่วนการเลี้ยงในบ่อดินระดับน้ำควรสูงกว่า 1 เมตร เพื่อไม่ให้น้ำร้อนในช่วงกลางวัน
น้ำประปา – ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงได้ แต่ผู้เลี้ยงควรระวังสารคลอรีนที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาด้วย เพราะกุ้งอาจตายได้ จึงควรพักน้ำไว้ในภาชนะที่ต้องการเลี้ยงก่อน 1 – 2 วัน แล้วจึงปล่อยกุ้งลงภาชนะ
น้ำบาดาล – ในน้ำบาดาลมีแร่ธาตุมากมายซึ่งช่วยให้กุ้งเติบโตได้ดี แต่ก็มีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ค่อนข้างมาก และมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำน้อย จึงไม่ควรใช้น้ำจากบ่อบาดาลโดยตรงเพราะกุ้งอาจตายได้ ควรพักน้ำในบ่อหรือถังพักแล้วใช้น้ำที่พักแล้วเท่านั้น
น้ำจากแหล่งธรรมชาติ – สามารถนำน้ำมาใช้ได้โดยตรง แต่เพื่อความมั่นใจของผู้เลี้ยงจึงควรพักน้ำ 1 – 2 วันก่อนนำมาเลี้ยง หากเป็นบ่อดินหรือนาข้าวควรพักน้ำในแปลงประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงปล่อยกุ้งลงเลี้ยงต่อไป
เตรียมอากาศ
การเลือกซื้อปั๊มลม
กุ้งเครย์ฟิชเป็นสัตว์น้ำที่ใช้ออกซิเจนเพียง 5.0 มิลลิกรัมต่อลิตรเท่านั้น แต่ถ้าออกซิเจนในน้ำน้อยเกินไปก็อาจทำให้กุ้งน็อคน้ำหรือจมน้ำตายได้ ดังนั้นหากเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำกุ้งจะยิ่งเติบโตดี โดยเลือกซื้อปั๊มลมและปั๊มน้ำให้เหมาะสมกับการใช้งานดังนี้
- ปั๊มแบบลูกสูบ
- ปั๊มลมเล็ก
- ปั๊มลมแบบโรตารี่หรือไดอะเฟรม
- ปั๊มลมแบบมีแบตเตอรี่สำรองในตัว
การเลือกซื้อปั๊มน้ำ
ปั๊มน้ำที่จำหน่ายในท้องตลาดมีหลายแบบ ผู้เลี้ยงเลือกซื้อได้ตามความพร้อมและสภาพพื้นที่ครับ การซื้อปั๊มน้ำไม่เน้นปริมานปั๊ม แต่ให้สังเกตความสูงและระยะทางว่าต้องการดึงน้ำขึ้นสูงกี่เมตร ซึ่งปั๊มน้ำแต่ละแบบจะระบุสเปคไว้แล้ว ตัวอย่างเช่น Hmax หรือ Max Jet เป็นตัวบอกว่าสามารถปั๊มน้ำได้สูงกี่เมตร เป็นต้น
เตรียมที่หลบภัย
มีความสำคัญมากสำหรับการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงโดยเฉพาะขณะลอกคราบซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มันอ่อนแอที่สุด เพราะลำตัวจะนิ่มเหมือนกุ้งนิ่มหรือปูนิ่ม และต้องรอเวลา 2 ถึง 3 วันกว่าจะฟื้นตัวหรือกลับมาเป็นปกติ ชั่วโมงนี้จึงถือว่าอันตรายมาก หากไม่มีที่หลบภัยแล้วเขาจะกลายเป็นอาหารให้เพื่อนได้
เราสามารถดัดแปลงวัสดุรอบตัวที่ทนน้ำทำเป็นที่หลบภัยให้กุ้งได้ เช่น ท่อพีวีซีตัดเป็นท่อน ซาแรนพรางแสง อิฐบล็อกเก่า หิน ขอนไม้ กระถางแตก ยางรถเก่า ขวดน้ำพลาสติก แผงไข่ไก่ เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ครับ
เตรียมอาหาร
กุ้งก้ามแดงกินอาหารได้หลากหลาย ทั้งพืชผัก รากไม้ ใบไม้ สาหร่าย จอกแหน รวมถึงสัตว์น้ำชนิดอื่นๆที่อ่อนแอกว่าหรือที่ตายแล้วจะกินกันเอง แต่อาหารที่นิยมใช้เลี้ยงกุ้งก้ามแดงมีดังนี้
- ปลาดิบ กุ้งฝอย
- พืชน้ำ
- อาหารเม็ด
- ข้าวสุก
- ผักและผลไม้ที่จมน้ำ
- ไส้เดือน
ข้อมูลจากหนังสือ : My Little Farm VOL.5 กุ้งก้ามแดง
สั่งซื้อหนังสือได้ที่นี่
เขียน : ชินวุฒิ ปิดทองคำ
เรียบเรียง : Gott
รวม 10 เรื่องน่ารู้ ก่อนเริ่มเลี้ยง “ไก่ไข่ ” ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน