การ ปลูกผักพื้นบ้าน แม้ว่าจะเป็นพืชที่ขึ้นได้ง่ายและไม่ต้องดูแลมากนัก แต่ก็ใช่ว่าผักพื้นบ้านทุกชนิดจะสามารถปลูกในสวนของเราได้ เพราะยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศและลักษณะเฉพาะของแต่ละท้องถิ่น ทางที่ดีจึงควรเลือกปลูกผักพื้นบ้านที่มีอยู่ในท้องถิ่นของเราจะดีกว่า สำหรับข้อคิดก่อนปลูกพืชก็มีง่าย ๆ ดังนี้
- เลือก ปลูกผักพื้นบ้าน ที่ชอบ ผักที่จะปลูกควรเป็นพืชผักที่ปลูกง่าย ตัวเราและคนในครอบครัวชอบรับประทาน อีกทั้งยังควรนำมาทำอาหารได้หลากหลาย
- เลือกให้เหมาะกับพื้นที่ หากคุณมีพื้นที่จำกัดก็ไม่ควรปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เกิน ควรหาไม้ระดับสูงต้นเล็กมาปลูกดีกว่า ส่วนไม้พุ่มให้ปลูกเป็นกลุ่ม ซึ่งผักพื้นบ้านส่วนใหญ่ไม่นิยมทำเป็นแปลงชัดเจนนัก เอาที่เราเดินเข้าไปเก็บได้สะดวก จัดกลุ่มให้ดูไม่รกตาก็พอ
- เลือกต้นพันธุ์ผัก หากซื้อจากร้านต้นไม้ควรเลือกต้นที่สมบูรณ์แข็งแรงมีใบใหม่จำนวนมาก ไม่มีโรคและแมลงเข้าทำลาย ส่วนพืชที่เก็บในท้องถิ่นมาปลูกบางชนิดอาจเก็บเมล็ดมาหว่านตอนจากต้นพันธุ์หรือถอนทั้งต้นมาปลูกได้
- ปลูกผสมผสานกับพืชผักและไม้ประดับที่มีอยู่แล้ว ได้ประโยชน์เป็นทั้งอาหารยาและตกแต่งสถานที่ในตัวนอกจากนี้ ก็ควรปลูกไม้ดอกแซมไปใกล้กับบริเวณที่ปลูกผักเพื่อช่วยล่อแมลงที่มีประโยชน์ให้เข้ามากำจัดแมลงศัตรูพืชด้วย
- ตำแหน่งที่ปลูกพืชผักพื้นบ้านก็ใกล้เคียงกับผักสวนครัวทั่วไป บริเวณที่ปลูกควรได้รับแสงแดดครึ่งวันจนถึงเต็มวัน เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้เต็มที่
รู้เคล็ดลับปลูกผักง่ายๆ แล้ว ลองมาเลือกผักพื้นบ้านปลูกในสวนกันเลย

ผักหวานบ้าน
ไม้พุ่มขนาดกลาง ลำต้นแข็งแรงตั้งตรง ใบประกอบด้วยใบย่อยเรียงสลับ มีสารอาหาร ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และแร่ธาตุ โดยเฉพาะวิตามินซีมีสรรพคุณช่วยในการยืดหดของกล้ามเนื้อ ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ขับถ่ายได้ดี นิยมนำมาประกอบอาหาร ทั้งผัดผัก แกงจืด แกงส้ม แกงเลียง ไข่เจียวเป็นต้น
ขยายพันธุ์โดยการปักชำ โดยตัดกิ่งจากต้นพันธุ์ เลือกกิ่งกึ่งแก่กึ่งอ่อนความยาวประมาณ 6 นิ้ว ให้มีตาติดอยู่3 – 4 ตา ปักชำในขี้เถ้าแกลบประมาณ 1 เดือน จึงนำไปปลูกโดยเว้นระยะประมาณ 50 เซนติเมตร ผักหวานบ้านเป็นพืชที่ชอบน้ำทางใบมากกว่าทางราก จึงควรรดให้ชุ่มทั่วทั้งใบ

ชะอม
ไม้ยืนต้น แต่นิยมตัดแต่งเป็นไม้พุ่ม ใบมีขนาดเล็กและมีกลิ่นฉุน มักปลูกตามรั้วบ้านเนื่องจากลำต้นมีหนาม ชะอมให้ผลผลิตตลอดทั้งปี นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเช่น ไข่เจียว แกงส้ม ต้มหรือลวกรับประทานกับน้ำพริก ประกอบในแกงกะทิ อ่อมแกงลาว แกงแค ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินเอสูง ยอดชะอมช่วยลดความร้อนในร่างกาย ช่วยในการขับถ่าย และป้องกันท้องผูก
ปลูกโดยปักชำ เพาะเมล็ด ตอนกิ่ง หรือโน้มกิ่งลงดินแต่ส่วนมากนิยมเพาะเมล็ด เนื่องจากได้ต้นที่แข็งแรงระยะปลูกประมาณ 1 เมตร ชะอมไม่ค่อยมีโรคและแมลงแต่หากพบโรค ป้องกันได้โดยใช้ปูนขาวโรยรอบโคนต้นหรือจุ่มท่อนพันธุ์ในน้ำปูนขาวก่อนปลูก

กระชาย
พืชสมุนไพรล้มลุก มีเหง้าใต้ดินซึ่งแตกรากออกไปเป็นกระจุกจำนวนมาก ลักษณะรากอวบน้ำ ตรงกลางพองกว้างกว่าส่วนหัวและท้าย รับประทานเป็นเครื่องจิ้มหรือส่วนประกอบของผัดเผ็ดและน้ำพริกแกง เนื่องจากกระชายดับกลิ่นคาวได้ดี ใช้เหง้าแก้โรคในปาก เช่น ปากเปื่อย ปากเป็นแผล ปากแห้ง ช่วยขับระดูขาว ขับปัสสาวะ รักษาโรคบิด แก้ปวดมวน รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียดช่วยขับลม และเจริญอาหารได้ดี
คัดเลือกหัวพันธุ์ที่มีอายุ 7 – 9 เดือน มีตาสมบูรณ์ ไม่มีโรคแมลงทำลาย การปลูกให้แบ่งหัวหรือเหง้าโดยหั่นขนาดของเหง้าควรมีตาอย่างน้อย 3 – 5 ตาหรือแง่ง ฝังลงดินลึกประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร จากนั้นใช้ฟางคลุมประมาณ 1 – 2 เดือน จึงหว่านปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก และเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 8 – 12 เดือน

อัญชัน
ไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก ดอกสีขาวฟ้า และม่วง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา ออกดอกเกือบตลอดปี นิยมนำดอกมาสกัดทำเป็นสีผสมอาหาร ชงเป็นเครื่องดื่ม หรือรับประทานสดกับน้ำพริก สลัด นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทำให้ผมดกดำ เงางาม ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดีขึ้น
ปลูกโดยวิธีเพาะเมล็ดเป็นพืชที่ปลูกและขึ้นง่ายไม่ต้องการดูแลรักษามากนัก แต่ควรมีรั้วหรือไม้ระแนงเพื่อให้เถาอัญชันเลื้อยพาดหรือยึดเกาะเพื่อการทรงตัวได้ อัญชันเป็นไม้กลางแจ้งที่มีความต้องการแสงพอสมควร ต้องการน้ำปานกลาง

ชมจันทร์
ไม้เลื้อย วงศ์เดียวกับผักบุ้ง ดอกสีขาว กลิ่นหอม บานตอนเช้าและพลบค่ำ จึงเรียกอีกชื่อว่า “บานดึก” ชมจันทร์เป็นผักที่มีไขมันต่ำมาก นิยมเก็บดอกตูมไปปรุงอาหารเช่น ผัดน้ำมันหอย ลวกจิ้มกับน้ำพริก มีแคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส โปรตีน และวิตามินเอ และมีสรรพคุณเป็นยาระบาย มีฤทธิ์เย็น แก้ร้อนใน บำรุงเลือด บำรุงตับป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน ขับปัสสาวะ บรรเทาริดสีดวงทวาร และช่วยให้นอนหลับได้ดี
การปลูกให้ขุดหลุมลึกประมาณ 20 – 30 เซนติเมตรรองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก เมื่อแตกยอดอ่อนควรปักค้างให้ต้นเลื้อยขึ้น หลังปลูกประมาณ 2 – 3 เดือนจึงเก็บดอกไปรับประทานได้

ฟักข้าว
ไม้เลื้อยตระกูลแตง ใบเดี่ยวรูปหัวใจหรือรูปไข่ ผลมีรูปร่างกลมรี มีหนามเล็ก ๆอยู่รอบผล ผลอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อผลสุกจะมีสีแดงหรือแดงอมส้ม ภายในมีเมล็ดจำนวนมากเรียงตัวกันคล้ายเมล็ดแตง นิยมนำผลฟักข้าวอ่อนสีเขียวมาทำอาหาร ให้รสชาติเหมือนมะละกอ ทั้งผลอ่อน ยอดอ่อน ใบอ่อน นำมานึ่งหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริกหรือใส่แกง ผลสุกนำมาคั้นเป็นเครื่องดื่ม สรรพคุณ ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ผลอ่อนมีวิตามินซี แคลเซียม เหล็ก ไฟเบอร์ เยื่อเมล็ดมีเบต้าแคโรทีนและไลโคปีนสูง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดหรือแยกรากปลูก ควรปลูกในบริเวณที่ชุ่มน้ำ เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องการน้ำมากฟักข้าวจะเริ่มมีดอกหลังจากปลูกไปได้แล้วประมาณ2 – 3 เดือน ดอกจะเริ่มออกราวเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนสิงหาคม ผลสุกใช้เวลาประมาณ 20 วัน ในฤดูกาลหนึ่งจะเก็บเกี่ยวได้ผลมาก 30 – 60 ผล

ผักกูด
ผักกูดเป็นเฟินชนิดหนึ่งนำมารับประทานเป็นผักได้ เป็นพืชที่มีลำต้นเป็นเหง้าแบบตั้งตรง สูงมากกว่า 1 เมตร ส่วนที่นำมาปรุงเป็นอาหารคือก้านใบใหม่ที่โผล่ขึ้นมาจากลำต้น ส่วนปลายม้วนงอซึ่งจะพัฒนาไปเป็นใบอ่อนและใบแก่ ผักกูดมีรสจืดอมหวานและกรอบ ยอดอ่อนและใบอ่อนนิยมนำมาบริโภค แต่บางชนิดยอดใบจะมีรสขมมากนำมาปรุงเป็นอาหาร ทั้งยำ ผัด แกงจืด แกงเลียง แกงส้ม แกงแค บางครั้งก็นิยมลวกหรือนำมาราดน้ำกะทิ รับประทานร่วมกับน้ำพริก มีแคลเซียม ธาตุเหล็กฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินบี 3 ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับคอเลสเตอรอล บำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจาง บำรุงสายตาแต่ไม่ควรรับประทานผักกูดแบบสด เนื่องจากมีสารออกซาเลตปริมาณสูง อาจทำให้ไตอักเสบและทำให้เป็นนิ่วได้
ผักกูดเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่ชื้นแฉะ มีความชื้นสูง เติบโตในช่วงฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เหง้า ใช้สปอร์หรือไหล

ฟ้าทลายโจร
ไม้ล้มลุก สูง 30 – 70 เซนติเมตร ใบเป็นใบเดี่ยว แผ่นใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ใช้ได้ทั้งต้นใบสด ใบแห้ง ทุกส่วนมีรสขม มีสรรพคุณคือ แก้ไข้ ระงับอาการอักเสบต่างๆ เช่นไอ เจ็บคอ ขับเสมหะ โรคผิวหนังที่เกิดจากฝี แก้ปวดท้อง ท้องเสีย กระเพาะ และลำไส้อักเสบ โดยใช้ใบฟ้าทลายโจรสด 1 – 3 กำมือ ต้มกับน้ำ 10 – 15 นาที ดื่มก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง หากมีอาการเจ็บคอเพียงอย่างเดียวให้ใช้เพียง 1 กำมือ หรือทำเป็นยาลูกกลอน โดยล้างใบฟ้าทลายโจรสดให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง (ห้ามตากแดด) บดเป็นผงละเอียดปั้นกับน้ำผึ้งเป็นยาลูกกลอน ผึ่งลมให้แห้ง เก็บไว้ในขวดให้มิดชิด รับประทานครั้งละ 1 กรัม วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน
ฟ้าทลายโจรเป็นพืชที่ปลูกง่าย โดยโรยเมล็ดลงดินไม่ต้องลึกนัก และใช้ดินกลบ รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ3 – 4 เดือนจะสามารถเก็บใบมาใช้ได้ ฟ้าทลายโจรปลูกได้ดีในดินแทบทุกชนิด เหมาะที่จะปลูกในฤดูฝน

มะกรูด
ไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนาม ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูปคล้ายกับใบไม้สองใบต่อกันอยู่ แผ่นใบสีเขียวแก่หนาผิวเรียบเป็นมันมีกลิ่นหอม ผลสีเขียวเข้มผิวขรุขระ ใบและผิวมะกรูดนำมาเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหาร ได้แก่ต้มยำ น้ำยาขนมจีน ยำหอย แกงเผ็ด แกงเทโพ มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องอืดแก้จุกเสียด ช่วยให้เจริญอาหาร ผลมะกรูดทำเป็นยาสระผมช่วยบำรุงหนังศีรษะขจัดรังแค และทำให้ผมดำเงางาม
ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง หรือทาบกิ่งควรปลูกในดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำที่ดี เพราะมะกรูดไม่ชอบน้ำขัง ระยะปลูกไม่ควรติดกันเกิน 1 เมตรชอบแดดจัดถึงปานกลาง ก่อนปลูกควรนำปุ๋ยคอกมาใส่ผสมกับดิน เพื่อให้ดินมีอาหารอุดมสมบูรณ์ดี

มะรุม
ไม้ยืนต้นโตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่าย สูงประมาณ 4 เมตร และออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก 3 ชั้น มีรสหวานมัน ดอกเป็นช่อสีขาว ผลเป็นฝักยาว 20 – 50 เซนติเมตร มีส่วนคอดเป็นระยะ ฝักมีรสหวาน รับประทานได้ทั้งใบดอก ฝักอ่อน และฝักแก่ นำมาทำแกงส้ม ผัดน้ำมันหอย แกงเลียง ดอกมะรุมชุบไข่ทอด ลวกรับประทานกับน้ำพริก ในทางการแพทย์ใช้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายถอนพิษไข้ แก้อักเสบ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับปัสสาวะ เมล็ดนำมาสกัดน้ำมันรักษาโรคปวดตามข้อ โรคผิวหนัง บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น ดอกนำมาต้มทำน้ำชาช่วยให้นอนหลับสบาย
ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง งอกเร็วใช้เวลา 2 สัปดาห์ ต้นกล้าสูงประมาณ 10 – 20 เซนติเมตรเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำปานกลาง
แจกสูตรผักพื้นบ้าน ช่วยคุมไขมัน

แค
เป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก สูงประมาณ 3 – 10 เมตร ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับดอกคล้ายดอกถั่วออกเป็นช่อตามซอก ใบรับประทานได้ทั้งยอดอ่อน ใบอ่อน ดอกและผล ในช่วงฤดูฝน ใบอ่อนมีรสหวาน ดอกอ่อนออกในช่วงฤดูหนาว ดอกแคมีเส้นใยอาหาร แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก แคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1วิตามินบี 2 และวิตามินซี นำไปปรุงอาหาร ได้แก่ แกงส้มดอกแค แกงเหลืองปลากะพงดอกแค ดอก ใบ ยอด ฝักอ่อน นำมาลวกจิ้มน้ำพริกได้ ทั้งยังเป็นสมุนไพรช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ แก้ไข้หัวลม
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ถือได้ว่าเป็นไม้ยืนต้นที่มีอายุไม่นานนักก็จะยืนต้นตาย ปลูกเลี้ยงง่ายได้ในทุกพื้นที่ทั้งดินเหนียวและดินร่วน สามารถปลูกไว้ในบริเวณบ้านโดยไม่กินที่มากนัก อีกทั้งใบแคที่ผุแล้วยังช่วยปรับปรุงดินให้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น

ขจร
ไม้เลื้อยเถาเล็ก ช่อสีเหลืองเจือสีขาวหรือชมพูอ่อน ให้กลิ่นหอมตอนช่วงเย็นนิยมนำดอกมารับประทาน ทำเป็นผักต้มหรือลวกจิ้มน้ำพริก แกงส้ม ยำ แกงจืดเป็นต้น ดอกขจรมีวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง มีสรรพคุณบำรุงธาตุ ตับ ปอด บำรุงสายตา บำรุงเลือด แก้เสมหะเป็นพิษ บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รักษาหวัดที่เกิดจากการตากลมหรืออากาศเย็นช่วยขับเสมหะ และแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
ปลูกเลี้ยงง่ายในดินทุกชนิด ชอบแดด นิยมปลูกโดยวิธีชำกิ่งหรือตอน หลังจากปลูกประมาณ 1 เดือนจะเริ่มออกดอก ควรดูแลโดยตัดเถาที่ไม่สมบูรณ์หรือแมลงรบกวนทิ้ง อย่าให้พุ่มแน่นหรือทึบเกินไป
เรื่อง เกซอนลา
ภาพ คลังภาพบ้านและสวน